ข้อมูลปลา

Julidochromis ornatus

ปลาหมอในสกุลจูลิโดโครมิส (Julidochromis) ปลาหมอในสกุลนี้หลายๆคนอาจจะรู้จักเป็นอย่างดี บางคนอาจจะไม่รู้จัก ไม่เป็นไร วันนี้จะมาบอกเล่าให้ฟังละกันนะคะ ปลาหมอในสกุลจูลิโดโครมิส เป็นปลาหมอจากทะเลสาปแทงแกนยิกา ปลาหมอสกุลนี้นี้มีผู้นำเข้าและเพาะเลี้ยงในเมืองไทยนานพอสมควรแล้ว แต่นักเลี้ยงปลาบางคนอาจจะไม่ค่อยสนใจปลาหมอในสกุลนี้สักเท่าไหร่ เนื่องจาก ถ้ามองโดยผิวเผินแล้ว ปลาหมอในสกุลนี้จะไม่มีสีสันที่โดนเด่นสะดุดตา ไม่มีจุดที่ดึงดูดความสนใจมากมายเท่าไหร่นัก หลายๆ คนจึงมองข้ามไป แต่ถ้าหลายๆคนได้ลองเข้ามาสัมผัสจะรู้เลยว่าปลาหมอสกุลนี้เลี้ยงสนุก ดูแลง่าย และมีอะไรที่ไม่ธรรมดาจริงๆ นักเลี้ยงปลาจากทะเลสาปนี้โดยมากตอนเริ่มเลี้ยงใหม่ๆมักจะมีเจ้าจูลิโดโครมิส(Julidochromis) ร่วมอยู่ด้วยทุกครั้ง อย่างเช่น แอด โคนิ่ง นักเลี้ยง นักเพาะพันธุ์ นักสำรวจ ปลาหมอจากทะเลสาปแทงแกนยิกา และ มาลาวี ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ก็เริ่มต้นเลี้ยงจากปลาสกุล จูลิโดโครมิส(Julidochromis) นี้เช่นกัน เอาล่ะค่ะ ถ้าใครอยากรู้รายละเอียด ก็ลองติดตามอ่านดูนะคะ ปลาหมอจูลิโดโคมิส(Julidochromis) นั้นจะพบเจอได้ทั่วไปในทะเลสาปแทงแกนยิกา แต่ประเทศที่พบเจอปลาในสกุลนี้มากสักหน่อยก็จะเป็นแถบประเทศแซมเบีย โดยทั่วไปแล้วจะอาศัยอยู่ตามกลุ่มก้อนหิน (rocky banks) จะอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นคู่ๆ พบเจอได้ที่ระดับความลึกประมาณ 2 เมตร โดยทั่วไปปลาหมอในสกุลนี้จะชอบอยู่ในที่ๆมีกระแสน้ำปานกลาง สำหรับการจัดตู้ปลาเพื่อที่จะทำการเลี้ยงปลาหมอสกุลนี้

ขอแนะนำนะคะ ว่าพื้นตู้น่าจะปูด้วยหินกรวดแม่น้ำขนาดเล็กเบอร์ 1 หรือเล็กกว่านั้น ผสมกับทรายทะเลและประการังเบอร์1 อีกสักนิด ในอัตราส่วน 50:50 จะสวยงามและใกล้เคียงกับธรรมชาติที่มันอยู่ ตู้ที่ใช้เลี้ยง ถ้าคุณจะเลี้ยงแต่ปลาหมอสกุลนี้เพียงชนิดเดียว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ตู้ใหญ่โต เพียงแค่ตู้ 30 นิ้วมาตรฐานทั่วไปก็สามารถเลี้ยงได้เยอะแล้ว ปลาหมอในสกุลนี้ในธรรมชาติจะกินสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กเป็นอาหาร แต่ถ้าเรานำมาเลี้ยงในตู้ อาหารที่ดูจะเหมาะสมที่สุดก็น่าจะเป็นอาร์ทีเมีย เพราะอาร์ทีเมียจะมีขนาดที่เหมาะสมกับขนาดของปากปลาดี แต่เราสามรถฝึกให้กินอาหารเม็ดได้ แต่แนะนำว่าน่าจะเป็นอาหารเม็ดชนิดจมน้ำจะเหมาะสมกว่า โดยปกติแล้วปลาหมอเกือบทุกชนิดจะมีสัญชาตญาณติดตัวมาคือ การหวงถิ่นที่อยู่ และอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า ปลาหมอในสกุลนี้จะอาศัยอยู่ตามกลุ่มก้อนหิน เพราะฉะนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงที่จะเลี้ยงรวมกับปลาหมอในสกุล โทรเฟียส (Tropheus) และปลาหมอเปกโตโครมิส (Petrochromis) เพราะปลาหมอทั้ง 2 สกุลนี้จะหากินตามก้อนหินเหมือนกันซึ่งถ้าเลี้ยงรวมกันอาจจะมีการกระทบกระทั่งจนถึงขั้นเสียเลือดเสียเนื้อกันได้ จะสามารถเลี้ยงรวมได้ดีกับปลาหมอสกุล นีโอแลมโพลโลกัส (Neolamprologus) อัลโทรแลมโพลโลกัส(Altolamprologus) และอื่นๆอีก จะขอกล่าวถึงเคล็ดไม่ลับในการเพาะพันธุ์ปลาหมอในสกุลนี้กัน สำหรับการจะเลี้ยงเพื่อเพาะพันธุ์นั้น ในตู้เลี้ยงควรจะมีแต่ปลาหมอในสกุลนี้เท่านั้น ผู้เลี้ยงควรจัดหาปลามาประมาณ 5-10 ตัว เลี้ยงรวมกัน และให้ผู้เลี้ยงสังเกตดูว่า ปลาได้มีการจับคู่กันหรือยัง โดยจะสังเกตเห็นได้ไม่ยาก เพราะปลาตัวไหนที่จับคู่กันทั้งคู่จะยึดครองกระถางดินเผาเป็นส่วนตัวและจะขับไล่ปลาตัวอื่นไม่ให้เข้าไปในบริเวณนั้น ถ้าปลาแสดงพฤติกรรมดังกล่าวแล้ว เราก็ควรที่จะตักปลาตัวอื่นออกมาเพื่อที่จะไม่ไปรบกวนปลาคู่นั้น ในตู้เพาะพันธุ์ควรปูด้วยทราย ใส่เปลือกหอย เศษกระถางดินเผา เพื่อให้ปลาเข้าไปวางไข่ได้ ต้องรอจนกว่าปลาจะสมบูรณ์และพร้อมจริงๆปลาถึงจะวางไข่ สำหรับลูกปลาที่ออกมานั้น จะมีจำนวนประมาณ 20-50 ตัว แล้วแต่ความสมบูรณ์ของพ่อแม่ปลาด้วย ในวันนี้จะขอแนะนำปลาหมอสกุลนี้ เพียงแค่ 1 ชนิดก่อนนะคะ สำหรับปลาหมอที่จะแนะนำก็คือ ปลาหมอจูลิโดโครมิส ออนาตัส (Julidochromis ornatus) จะขอเรียกสั้นๆว่า ออนาตัส นะคะ สำหรับปลาหมอ ออนาตัส นั้น เราจะพบเจอได้ในเขตประเทศ แซร์ พบเจอได้หลายแห่ง รูปร่างหน้าตาก็จะแตกต่างกันไปตามแหล่งที่พบ ออนาตัส จัดเป็นปลาหมอในสกุลจูลิโดโครมิส ที่มีขนาดเล็กมากๆ สามารถโตเต็มที่ได้เพียง 3.5 นิ้วเท่านั้น ตัวที่ 1 ตัวนี้เป็นปลาหมอ ออนาตัส ที่พบเจอ ในเขต Kapampa จะมีลักษณะคือ ลายข้างลำตัวจะมี 3 เส้น ปลายหางและครีบทุกครีบจะมีเส้นสีน้ำเงินยาวอยู่ การดูแลและการเพาะพันธุ์ก็จะเหมือนกับที่กล่าวไว้ข้างต้น ตัวที่ 2 ตัวนี้จะสามารถพบเจอได้ที่เขต Uriva ในทางตอนใต้ของภูเขา Mbity จูลิโดโครมิส การดูแล และเพาะพันธุ์ก็เหมือนกับที่กล่าวไว้ข้างต้น ตัวที่ 3 สำหรับตัวนี้จะเป็น ออนาตัส ที่นิยมเลี้ยงกันมากที่สุด เนื่องจากสีสัน จะสวยงาม กว่า 2 ตัวข้างบน พบเจอได้ทางตะวันตกเฉียงเหนือง ของทะเลสาปแทงแกนยิกา อยู่ระหว่าง เขต Uriva กับ Kalungwe สำหรับวิธีการดูแลและเพาะพันธุ์ก็เหมือนกับที่กล่าวไว้ข้างต้น