0000038

แฟนฉัน ปลาฉัน สารพันงานประกวด

ตัวแสดงนำ - แจ๊ค - เปี๊ยก - บอย - เจี๊ยบ และ น้อยหน่า

ฉากที่ 1 ในปี พ.ศ.2528 ณ. ประเทศ สยามเมืองยิ้มแฉ่ง

โอ้วเย่ โอ้วเย่ ๆๆๆ (เพลงคอนเสริตคนจน-นกแล) เสียงดนตรี เคาะไม้ไผ่ กับกระป๋องพลาสติกดังแว่วได้ยินมาแต่ไกล เด็กๆ กำลังนั่งร้องเพลงกันอย่างสนุกสนานตามประสาเด็ก เสียงเพลงวงนกแล ดังกระหึ่ม ไม่ขาดสาย แจ๊คร้องนำ ประสานเสียงตามด้วยเจ้าเปี๊ยกกะเจ้าบอยจอมแก่น ร้องขานรับอย่างเมามันส์

ทันใดนั้นเจ้าเปี๊ยกก็ร้องทักขึ้นมาว่า หยุดดดด ก่อนพวกเรา ดูรถขายยาที่ผ่านมาดิ มีโฆษณาบอกด้วยว่า วันพรุ่งนี้จะมีงานประกวดปลาประจำจังหวัดน่ะ โห ดูสิ !!! รางวัลที่หนึ่ง เป็นรถ บีเอ็มเอ็กซ์ รุ่น อาร์เอกซ์เซเว่น ล่าสุดของ โรงงานเฮียเม้งเชียวน่า หลายอักโขอยู่ เด็กๆ วิ่งไปที่รถขายยา เพื่อสอบถามรายละเอียดของงาน

เด็กๆ ล้อมวงกันเข้ามา เจ้าเปี๊ยก เริ่มอ่านประกาศตามใบปลิว อย่างกระท่อนกระแท่น ในเนื้อหามีใจความดังนี้

งานประกวดปลาสวยงามประจำจังหวัดแห่งชาติ สยามเมืองยิ้มแฉ่ง สถานที่จัดงาน หน้าสถานีอนามัยประจำจังหวัดยิ้มไม่หุบ จัดงานโดย ชมรมรักปลาสวยงามประจำจังหวัดยิ้มไม่หุบ

ประเภทของปลาที่สามารถส่งเข้าประกวด

1. ปลากัด - ปลากัดไทย ปลากัดจีน ไม่จำกัดสีและสายพันธุ์ 2. ปลาทอง - ไม่จำกัด ยี่ห้อ หัววุ้น หัวสิงห์ ฮอลันดา และ อื่นๆ 3. ปลาพื้นบ้านไม่จำกัดสายพันธุ์

ชิงถ้วย นายกเทศมนตรีประจำจังหวัดยิ้มไม่หุบ

รางวัลที่ 1 รถจักรยานบีเอ็มเอกซ์ รุ่น อาร์เอกซ์เซเว่น ของโรงงานเฮียเม้ง พร้อมเงินรางวัล 100 บาท รางวัลที่ 2 พัดลม ตั้งโต๊ะ ขนาด 12 นิ้ว ยี่ห้อ แอร์กี่ พร้อมเงิน 50 บาท รางวัลที่ 3 พัดลมตั้งโต๊ะ ขนาด 9 นิ้ว

ผู้สนใจสามารถส่งปลาเข้ามาประกวดได้ ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ของวันงาน ค่าสมัคร คนละ 5 บาท ต่อปลา 1 ตัว

ติดต่อสอบถามรายละเอียด – เฮียจั๊ว โรงน้ำแข็งประจำจังหวัดยิ้มไม่หุบ

แจ๊ค เปี๊ยก บอย รู้สึกตื่นเต้นจนอดใจไม่อยู่ เด็กๆ หันหน้ามาสบตากัน แล้วทุกคนต่างก็พูด พร้อมกัน ว่า “เจ้าอ้อยอิ่ง งานนี้ได้ลุ้นแฮ่ะ”

เจ้าอ้อยอิ่งที่เด็กๆ พูดถึง คือเจ้าปลากัดหม้อตัวเก่งของทั้งสามคนที่จับได้จากปลายทุ่งเมื่อสองวันก่อน สีสรรจัดว่า จัดจ้านพอสมควร เป็นปลากัดหม้อขนาดแท้ สีเขียวเหลือบน้ำเงินเข้ม ที่นานๆๆจะหาเจอในจังหวัด

แจ๊ค - เปี๊ยก - บอย เดินร้องเพลง โอ้วเย่ โอ้วเย่ ๆๆๆๆๆ (นกแล) ตามถนนทางเดินเท้าด้วยจิตใจที่ฮึกเหิม หมายมั่นปั้นมือ ที่จะเอาเจ้าอ้อยอิ่งมาคว้าเงินรางวัลตามที่ลงประกาศไว้ สามคนได้แคะกระปุกเพื่อรวบรวมเป็นค่ารถสองแถวในหมู่บ้านและ ค่าสมัครใน การส่งปลาเข้าประกวด

ณ. สถานที่จัดงาน หน้าสถานีอนามัยประจำจังหวัด เต็มไปด้วยฝูงชน มาเบียดเสียดเพื่อมาดูงานและเอาปลามาลงแข่งขัน เพื่อประกวดปลาสวยงามตามคำเชิญชวน

“ อ้าว เข้าแถวดีๆ อย่าแซงคิวกัน สำหรับคนที่จะเอาปลาเข้ามาประกวด “ เสียงเฮียจั้วตะโกน

“ นั่นๆ เห็นนะ แซงคิว ไปโน่นๆ เลยต่อท้ายไป ไอ้ดำ อย่าให้เห็นแซงคิวอีกนะโว้ยยยยยยย” เฮียจั๊วยังคงตะโกนต่อ

แจ๊ค - เปี๊ยก - บอย เห็นท่าไม่ดีเลยจำใจต้องไปต่อแถวคิวยาวเหยียดโน่น เด็กทั้งสามเดินไปต่อท้ายด้วยความจำใจ พลางบ่นในใจไปว่า ทำไมคนส่งปลาเข้ามาเยอะจริงๆๆๆ สงสัยงานนี้คู่แข่งเพียบแน่ๆ เลย

ฉากที่ 2 ยังคงเป็นหน้าสถานที่ประกวดปลาประจำจังหวัด

เจี๊ยบยืนรอมองหาน้อยหน่าด้วยความกระวนกระวาย พลางก้มมองดูนาฬิกาเป็นระยะๆ เจี๊ยบชะเง้อมองฝ่าฝูงคนที่ทยอยเดินเข้ามาพลางบ่นไปพลาง ” น้อยหน่าอยู่ไหนนะเนี๊ยะ นี่ก็เลยเวลานัดมาตั้งนานแล้ว ทำไมยังไม่มาซักที “

ทันใดนั้นสายตาเจี๊ยบก็หันไปเห็น น้อยหน่า วิ่งเหนื่อยหอบมาแต่ไกล ในมือถือถุงพลาสติกใบเขื่อง เสียงน้อยหน่าตะโกนเรียก ” เจี๊ยบ ๆ น้อยหน่าอยู่นี่ โทษทีนะมาสายไปหน่อย แม่ไม่ยอมปลุกอ่ะ ”

เจี๊ยบถาม “ เอาเจ้าแดงแป๊ดมาหรือเปล่า ” (แดงแป๊ดในที่นี้หมายถึง ปลากัดป่าที่ทั้งสองได้เป็นของขวัญมาจากลุงจวนท้ายหมู่บ้านนั่นเอง)

“ เอามาสิ ” เสียงน้อยหน่าร้องบอก

“ งั้นพวกเรารีบไปต่อท้ายแถว ที่รับสมัครงานประกวดกันเถอะ เดี๋ยวไม่ทัน “ เจี๊ยบบอก

เด็กทั้งสองคน ต่างรีบวิ่งจูงมือกันไปต่อท้ายแถวที่รับสมัคร โดยไม่ทันสังเกตว่า เจ้าแจ๊ค - เปี๊ยก - บอย คู่ปรับเก่าประจำซอยแถวบ้านได้ยืนรอเข้าแถวอยู่ก่อนแล้ว

ฉากที่ 3 แถวของคนที่จะเอาปลามาสมัครในงานประกวด

แจ๊ค - เปี๊ยก - บอย - เจ้าเปี๊ยกเอาข้อศอกกระทุ้งที่พุงของเจ้าแจ๊ค พลางชี้มือไปที่ เจี๊ยบกับน้อยหน่าที่กำลังวิ่งเบียดแทรกฝูงชนเข้ามาเพื่อทำการต่อแถว

เปี๊ยก “ แจ๊ค เอ็งดูดิ ใครมาอ่ะ โห!!! ดูสิ วิ่งจูงมือกันอย่างนี้ต้องแซวซะหน่อย”

เด็กๆ สามคนหันหน้ามาซุปซิบกัน การวางแผนร้ายพึ่งจะเริ่มขึ้น เจี๊ยบกับน้อยหน่าเดินผ่านเจ้าสามแสบไป โดยไม่พยายามสบตา ในใจของเจี๊ยบนั้น ยังครุกรุ่น ด้วยเรื่องเมื่อวันก่อนที่เจ้าแจ๊คกับเจ้าเปี๊ยกแกล้งน้อยหน่าเมื่อวันก่อน อยู่เลย

“ น่าอาย น่าอาย wow wow wow wow wowo oooo “ (เสียงเพลงของวงรอไย้สะเป็น เริ่มดังกระหึ่ม) แจ๊คตะโกนแทรกเสียงเพลง “ ไอ้เจี๊ยบ เอ็งมากะแฟนหรอ 5555 ” เสียงหัวเราะขานรับ

“ แฟนใคร มอเตอร์ไซด์ทำหล่น ” แจ๊คยังคงร้องเพลงแซวต่อ “ น้อยหน่าไม่ใช่แฟนข้า เราเป็นเพื่อนกันเฉยๆ “ เจี๊ยบร้องตอบ “ ไม่ใช่แฟน อย่างงี้ก็ เป็นเมียเอ็งสิว่ะ” ฮ่าๆๆๆ เสียงเด็กสามคนหัวเราะร้องรับ

ไม่มีเสียงตอบกลับจากเด็กทั้งสอง เพราะตอนนี้สายตาทุกคู่ที่ต่อแถวเพื่อส่งปลาเข้างานประกวด จับจ้องไปยังโต๊ะที่เฮียจั๊วนั่งอยู่ ชายวัยฉกรรจ์สองคนท่าทางเกรงขาม สวมแว่นตาดำ ยืนจังก้าอยู่

“หลีกไปหลบทางหน่อย” เสียงบอดี้การ์ด สองคนพยายามกันฝูงคนให้ถอยห่างจากโต๊ะรับสมัคร

“ หวักลีคับ ” เฮียจั๊วยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม

“ หวัดดี เฮียจั๊ว ” เสียงชายผู้ที่คุ้นหน้าคุ้นตาคนในจังหวัดนี้เป็นอย่างดี ท่านนายกเทศมนตรีนี่เอง มาพร้อมกับลูกชายคนโปรด เจ้าบิ๊ก (เจ้าบิ๊กทุกคนในจังหวัดรู้ดีว่า เป็นเด็กที่ค่อยข้างเกเร อาศัยบารมีพ่อ ไม่มีใครอยากไปตอแยด้วย แค่ใครได้ยินชื่อก็รู้อยู่แล้วว่า ใหญ่ขนาดไหน)

“ วันนี้เจ้าบิ๊กจะส่งปลากัดตัวเก่งเค้า เข้ามาประกวดนะ เลยมาตื้อผมให้พามาหาเฮียจั๊ว “ เสียงนายกเทศมนตรีพูด

“ เออๆ วันนี้คนเยอะจริงๆ นะ ลูกผมต้องไปต่อแถวเหมือนพวกเค้าไหมนี่ ” นายกเทศมนตรีถาม

“ ไม่เปงไรคับท่าน เดี๋ยวป๋มจัดกางให้คับ ” เฮียจั๊วบอก

“ อย่าลืมที่คุยกันไว้ งานนี้ไม่มีเบอร์สองนะเฮียจั๊ว ” นายกเทศมนตรีกระซิบข้างหู ฉากที่ 4 หลังจากรู้ผลการตัดสินงานประกวดปลาสวยงามประจำจังหวัด

แจ๊ค - เปี๊ยก - บอย - เจี๊ยบ - น้อยหน่า ทั้งห้าคนเดินคอตกกลับบ้านพร้อมกัน ไม่มีเสียงร้องเพลง ในหมู่เด็กๆ เสียงเพลงแห่งความผิดหวัง ยังคงก้องกังวานในหัวใจเด็กๆ ทั้งห้าคน

แจ๊ค “ ปัดโธ่โว้ย รู้งี้ไม่ส่งเจ้าอ้อยอิ่งมาให้เสียเวลาหรอก ไหนค่ารถ แล้วยังต้องเสียค่าสมัครอีก”

เปี๊ยก ” นั่นดิ แถมยังเอาเจ้าอ้อยอิ่งกลับมาด้วยไม่ได้อีก เพราะเจ้าของงานดันขยาย เวลาจัดงานออกไปอีกตั้งสองวัน ไม่รู้จะขยายเวลาออกไปอีกทำไม ถ้าปลาตายขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบกันเนี๊ยะ ”

เจี๊ยบซึ่งตอนนี้หยุดรบกับพวกเจ้าแจ๊คชั่วคราว พูดเสริม ” เห็นๆ กันอยู่ ที่ขยายเวลาออกไปก็จะเก็บค่าที่เพิ่มขึ้นน่ะสิ คิดดูน่ะพวกเอ็ง ร้านขายลูกชิ้นปิ้งบอกข้าว่า ต้องจ่ายค่าที่ วันละ20 บาท สมมติ มีห้าสิบเจ้าก็ เท่าไหร่ พวกเอ็งลองคูณกันดูเองแล้วกัน แล้วนี่ขยายเวลาออกไปอีกสองวัน รับทรัพย์กันเท่าไหร่ ”

น้อยหน่า “ เรื่องนั้นมันก็เรื่องของเค้าน่ะ แต่ที่เห็นแล้วทนไม่ไหว ก็เรื่องการตัดสินนะ ”

เปี๊ยกกะบอยพูดขึ้นพร้อมกัน ” ใช่เลย มันตัดสินค้านสายตากันอย่างเห็นๆ มีอย่างที่ไหน ปลาไอ้บิ๊กไม่เห็นสวยตรงไหนเลย ตัวก็ดำๆ ด่างๆ แล้วมันได้ที่ 1 ได้ยังไงกันอ่ะ เห็นกรรมการนะ ตอนตัดสิน เอากระดาษมาจดอะไรก็ไม่รู้ ยึกยือ ข้าก็อ่านไม่ออก เห็นพอไปดูตรงช่องของปลาไอ้บิ๊กแล้วส่ายหัวทุกคนเลย แต่ทำไมพอประกาศผล ถึงกลับตาลปัตร กันแบบนี้ว๊ะ ใบคะแนนก็ไม่มีให้ดู สงสัยพวกนี้จบเมืองนอกว๊ะ ข้างนอกสดใส ข้างในต๊ะติ๊งโหน่ง ”

แจ๊คเสริม ” นั่นดิ ข้าว่างานนี้มีล๊อคล้อเห็นๆๆ”

เด็กที่เหลือหันมาถาม “ อะไรของเอ็งว๊ะไอ้แจ๊ค ล๊อคล้อ”

แจ๊คตอบ ” อ้าวก็ที่ 1 แบเบอร์ไง โธ่ พวกเอ็งนี่ไม่ทันสมัยเอาเสียเลย ”

บอยเสริม ” ผลเป็นยังไงก็ช่างมันเถอะ ยังไงพวกเราก็ทำเต็มที่แล้ว แต่ที่ข้าทนดูแล้วน่าสมเพสอะ พวกเอ็งรู้หรือเปล่าว่า ตรงไหน ”

เด็กๆ ทั้งหมดหันมาถาม” ตรงไหนของเอ็งว๊ะไอ้บอย ” บอยตอบ” ก็ตรงช่องที่ใส่ปลากัดที่เข้าประกวดอ่ะ พวกเอ็งไม่เห็นหรอ พอคนส่งเข้าประกวดมากๆ ช่องที่เตรียมมาไม่พอ พวก เ เ ม่ ง ดันเอาปลาซ้อนสองเฉยเลย บางตู้ก็มีซ้อนสามนะ น่าสงสารปลาจังเลย อยู่ในที่เล็กๆ แล้วยังต้องมา ซ้อนสองซ้อนสามในที่ใบเดียวกันอีก (ซ้อนสองในที่นี้หมายถึง การเอาปลาตัวแรกใส่ลงไปในช่องที่เตรียมไว้ แล้วเอาแผ่นกระจกกั้นแบ่งเป็นชั้นๆ แล้วใส่ปลาตัวที่สองลงไปด้านบน) บางตัวนะ ข้าเห็นตายหงายท้องเลยนะ ตัวที่อยู่ด้านบนคงจะติดเชื้อเข้าไปด้วยแหงเลย ท่าทางรอดยากว๊ะ

เด็กๆ ที่เหลือเริ่มตระหนักในสิ่งที่เจ้าบอยบอก “ ไอ้เจ้าอ้อยอิ่ง ” ” เจ้าแดงแป๊ดดดดด ” จะเป็นไงมั่งก็ไม่รู้

เด็กๆ พนมมือขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย “ โอมเพี้ยง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ได้โปรดคุ้มครองเจ้าอ้อยอิ่งและเจ้าแดงแป๊ดให้อยู่รอดปลอดภัยด้วยเถอะ พวกข้าขอสัญญาว่า จะไม่เป็นเด็กเกเร จะไม่เอาปลามากัดกันอีกแล้ว เจ้าข้าเอ๋ย ” ฉากที่ 5 ในปี พศ. 2540 ณ.สนามบิน ประเทศ ลอดช่อง

โอ่วเย่ โอ่วเย่ ๆๆๆ ทำนอง Hip Hop ดังเป็นระยะ ผ่านจุดตรวจกระเป๋าที่ ท่าอากาศยานเมืองลอดช่อง เด็กๆๆทั้ง5 ที่หมายมั่นปั้นมือเดินทางมาจากเมืองไทย โดยจุดมุ่งหมายอยู่ที่ สถานที่จัดงานประกวดปลานานาชาติ ที่เมืองลอดช่อง

แจ๊ค “ พวกเราจะไปถูกไหมนี่ ฟุดฟิตโฟไฟ กันได้บ้างหรือเปล่า ”

บอย “ ซำบายอยู่แร้วว เยสๆๆโนโน โอเค ซิกกาแร๊ต ”

เจี๊ยบ “ พอได้อ่ะ ไอ้แจ๊ค ที่มหาลัยข้าก็มีการสอนมาบ้าง สบายอยู่แล้ว ”

เปี๊ยก กับ น้อยหน่า พูดเสริม ” พวกเราไปกันเถอะ จวนจะได้เวลาที่งานประกวดจะเริ่มแล้ว เดี๋ยวเรียกแท๊กซี่ไปดีกว่าน่ะ ”

จากสนามบินเมืองลอดช่อง เด็กหนุ่มสาวทั้ง 5 ใช้เวลาเดินทางมาราวๆ 40 นาที ก็ถึงสถานที่จัดงาน ซึ่งเต็มไปด้วยฝูงชนแน่นขนัด มีทั้งฝรั่งหัวแดงและคนเชื้อสายมลายู ประกอบกับคนเชื้อสายจีนเต็มแน่นไปหมด เสียงบีบแตร์ดังเป็นระยะไม่ขาดสาย รถที่มาในงานต่างพากันขับไปยังสถานที่จอดรถ ซึ่งลานจอดรถกว้างใหญ่โตสุดลูกหูลูกตา มีรถเมล์ที่คอยวิ่งรับส่งระหว่างลานจอดรถกับสถานที่จัดงานอย่างไม่ขาดสาย

“ Stop Stop Stop here ” บอยพูด

โชว์เฟอร์แท็กซี่นำรถไปจอดยังทางเข้าสถานที่เข้าชมงาน เด็กๆ ทั้ง 5 คน ก้าวลงจากรถ ทันทีที่เด็กๆ ทั้ง 5 มองเห็นหน้างาน ถึงกับอุทานออกมาโดยไม่ทันตั้งตัว

“ โอ้ววววว งานช่างใหญ่โตเสียนี่กระไร ” เปี๊ยกสบถ

“ เราไปซื้อตั๋วเข้าชมงานกันเถอะ ” น้อยหน่าบอก

เด็กๆ ทั้ง 5 เดินไปที่เคาเตอร์ขายตั๋ว ส่งภาษามือว่าต้องการตั๋ว ทั้งหมด 5 ใบ สนนราคาค่าเดินผ่านประตูก็ตกคนละ 450 บาทเมืองสยามยิ้มแฉ่ง และแล้วเวลาที่เด็กๆ ทุกคนที่รอคอยก็มาถึง เพียงก้าวแรกที่เดินผ่านช่องตรวจตั๋วเข้าไป ไอเย็นๆของสถานที่จัดงาน ได้เข้ามาปะทะใบหน้าของเด็กทั้ง 5 ทำให้ความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางหายไปเหมือนปลิดทิ้ง

“ โหหหหหหหหหหห ดูตู้นี้สิ ใหญ่โตอลังการอะไรจะปานนี้ “ แจ๊คอุทาน เด็กทั้ง 5 หันหน้าไปมองตู้ที่จัดได้ว่าเป็น ” ไฮไลท์ของงานเลยทีเดียว ตู้นี้จัดได้ว่าเป็นตู้ที่ใหญ่โตมาก ภายในตู้มีบรรยากาศจำลองของทะเลสาบน้ำจืด มีฝูงปลานานาชนิดที่แหวกว่ายไปมา แต่ละตัวมีขนาดเขื่องๆใหญ่ต่ำกว่า 12 นิ้ว มีรากไม้ที่ทอดยาวเป็นช่วงๆ ทำให้ผู้พบเห็น ต้องถูกสะกดให้อยู่ที่ตู้นี้โดยไม่รู้ตัว

เด็กๆ เดินผ่านเข้าไปจะพบว่า บรรยากาศภายในได้ถูกบรรจงแต่งเติมให้สมกับงานประกวดระดับนานา ชาติเสีย นี่กระไร ภายในศูนย์แสดงงาน ปลาที่ส่งเข้าประกวด ได้ถูกจัดแยกแยะตามหมวดหมู่ของสายพันธุ์อย่างชัดเจน มีป้ายบ่งบอกชนิดของสายพันธุ์และเรียงลำดับหมายเลขจำนวนปลาที่ส่งเข้า ประกวด

สาวสวยยืนยิ้มแฉ่งให้กับเด็กๆ ทั้ง 5 คน ถ้าเดาไม่ผิดน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของงาน (ซึ่งทราบภายหลังว่า สาวสวยที่เป็นประชาสัมพันธ์ชื่อ คุณหลิน นี่เอง) เจ้าเปี๊ยกรีบเดินเข้าไปเพื่อสอบถามรายละเอียด ภาษามือได้ถูกใช้ในการสนทนาในครั้งนี้ เด็กๆ ทั้ง5 สอบถามถึงจำนวนปลาในแต่ละชนิดที่ลงชิงชัยในครั้งนี้ได้

ความว่า ทางผู้จัดงาน จะทำการคัดปลาที่จะส่งเข้าประกวดก่อนงานเริ่ม 1 วัน หลังจากนั้นจะคัดปลาให้เพียงพอกับจำนวนตู้ที่ทำการประกวด โดยปกติแล้ว จำนวน 1 สายพันธุ์มีทั้งสิ้น 100 ตู้ ไม่ขาดไม่เกิน ถ้าปลาในสายพันธุ์นั้นๆ เกินจำนวนตู้ ผู้ที่จัดงานจะทำการคัดปลาที่สวยน้อยที่สุดออกไป เพื่อให้ปลาที่ส่งเข้าประกวดนั้น เป็นสุดยอดของปลาที่นำมาแสดงต่อประชาชนจริงๆ

เด็กๆ ทั้ง 5 เลยถามต่อไปอีกว่า แล้วถ้าจำนวนปลาไม่พอหล่ะ จะทำยังไงหรอ ทางคุณหลินก็เฉลยให้ฟังว่า ทางผู้จัดงานก็จะนำ ตู้ที่ไม่มีปลาแสดงออกไปจากบริเวณงานดังกล่าว เพราะผู้จัดพยายามเน้นคุณภาพปลามากกว่าจำนวนนั่นเอง

“ ฮาว ดู ยู ดีซิสชั่น เดอะ ฟิช “ แจ๊คถามต่อบ้าง

คุณหลิน ทำสีหน้างง แต่ก็พอจับใจความได้ว่าเด็กๆ ต้องการสอบถามเรื่องอะไร คุณหลินได้อธิบายไว้ว่า การตัดสินความเป็นเลิศในแต่ละสายพันธุ์ จะแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกจะเป็นการให้คะแนนโดยผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นบุคคลที่คลุกคลีอยู่ในวงการปลา แต่ต้องไม่มีส่วนได้เสียในการประกวด อาจจะมาจากวงการนิตยสารปลา ผู้ที่ทำการเพาะเลี้ยง และจากผู้ที่มีชื่อเสียงในแวดวงการปลาสวยงามนั้นๆ

อีกส่วนหนึ่งจะให้ผู้ที่เข้าชมมีส่วนร่วมในการตัดสินลงคะแนน เพื่อให้ปลาสวยงามเหล่านี้เข้าไปอยู่ในหัวใจของผู้ที่เข้ามาชมงานทุกคน โดยจะมีใบการให้คะแนนในแต่ละส่วนในตัวปลานั้นๆ แสดงให้ผู้เข้าชมได้เห็นอย่างชัดเจน เด็กๆ ทั้ง 5 ถึงกับทำหน้าตกใจ ที่คิดไม่ถึงว่า พวกเค้าเหล่านั้นจะมีส่วนร่วมในการตัดสินปลาเหล่านี้ด้วย

คุณหลินยังกล่าวเสริมอีกด้วยว่า ตู้ปลาที่อยู่ในที่จัดแสดงงานนี้ จะเห็นได้ว่า มีขนาดไม่น้อยกว่า 36 นิ้ว แต่ละตู้มีระบบการจัดการอย่างดี ผู้ที่ส่งปลาเข้ามาประกวดสามารถเข้ามาดูปลาได้วันละครั้ง ตามระยะเวลาที่กำหนดให้ จะมีเจ้าหน้าที่จากคณะประมง มาคอยดูแลและตรวจตรา เมื่อปลาที่เข้ามาประกวดเริ่มที่จะแสดงอาการป่วย อากาศภายในที่แสดงงานจะถูกควบคุมอุณหภูมิอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผู้ที่ส่งปลาเข้ามาประกวด วางใจได้ว่า ปลาที่พวกเค้ารักจะยังคงมีสุขภาพที่แข็งแรงเหมือนตอนที่เข้ามา

กว่า 500 ตู้ที่เด็กๆ เดินดูปลาที่ถูกจัดส่งเข้ามาประกวด ทำให้เวลาที่ยาวนานผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนใกล้ถึงเวลาที่จะปิดงาน เด็กๆ ทั้ง 5 คนไม่ลืมที่จะเอาหางบัตร มาลงคะแนนให้กับปลาที่ตัวเองชื่นชอบ ตามแต่ละสายพันธุ์

แสงอาทิตย์ ยามอัสดงที่ทอดทอแสง ผ่านลำตัวปีกเครื่องบินช่างสวยเสียเนี่ยะกระไร เด็กทั้ง5 คงไม่อาจรู้ได้หรอกว่า ปลาที่พวกเค้าลงคะแนนให้จะติดอันดับที่ 1 อย่างที่พวกเค้าหวังไว้หรือไม่ แต่อย่างน้อยหัวใจน้อยๆ ของเด็กเหล่านี้ ยังคงพองโต อิ่มเอมไปด้วยความสุขอันเปี่ยมล้น กับความทรงจำดีดี ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อ ดูความสวยงามดั่งใจที่วาดฝันไว้ ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ กับสิ่งที่ได้สัมผัสมา ฉากที่ 6 ในปี พ.ศ. 2550 ในสมัยที่คนมาทำงานด้วยรถไฟฟ้า

โอ่วเย โอวเย่ โอ่วเย่ ๆๆๆๆ ฉบับรีมิกซ์ใหม่ ดังกระหึ่มออกมาจากเสียงลำโพงทันสมัย ในห้างขายสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่งใจกลางเมืองหลวง เรียกร้องเชิญชวนให้ประชาชนมาชมงานการประกวดปลาสวยงามแห่ง ชาติสยาม เมืองยิ้มแฉ่ง มีการโฆษณาทั้งทางทีวี และวิทยุ อย่างต่อเนื่อง ใบปลิวกว่าแสนแผ่น ได้ถูกแจกจ่ายไปทั่วทุกสารทิศ

งานระดับชาติแบบนี้ มีใครที่ไหนจะพลาดได้ หนุ่มสาวทั้ง 5 คน ได้นัดกันมาเจอกันในวันงานประกวด ปลาสวยงามแห่งชาติสยามเมืองยิ้มแฉ่ง สถานที่นัดหมาย ร้านขายอาหารฟาดด่วน ในห้างขายสินค้าที่จัดงานประกวด

แจ๊ค ( ซี่งบัดนี้โตเป็นวัยรุ่นใหญ่ ไม่เล็ก อายุราวๆๆเกือบสามสิบ ซึ่งผันตัวเองไปเป็นหัวหน้าคุมวินมอเตอร์ไซด์ปากซอย ) กล่าวทักทายเพื่อนๆ ร่วมก๊วน “ หวัดดี ไอ้เปี๊ยก – บอย - เจี๊ยบ - น้อยหน่า”

เปี๊ยก ( ซึ่งบัดนี้หันไปเป็น ดีเจ ชื่อดัง ) กล่าวทักทายตอบ ” ไอ้แจ๊ค ทำไมเอ็งมาช้าจังว๊ะ ”

บอย ( ซึ่งผันตัวเอง ไปคุมกิจการโรงสีข้าว ประจำจังหวัดตามรอยเตี่ยของบอย ) “ หวัดดีแจ๊ค นั่นสิทำไมมาช้าจัง ”

เจี๊ยบ - น้อยหน่า ( ซึ่งได้ผันความสัมพันธ์ แบบเพื่อนจนกลายเป็น คู่รักกัน และกำลังจะสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์เร็วๆ นี้ ) กล่าว เสริม “ พี่แจ๊ค ทานอารายมายังครับ มาทานก่อนดีกว่าครับ ไม่เจอกันนานมีเรื่องคุยกันนานเลยนะ ”

เวลาผ่านพ้นไป นานมากที่เด็กๆ ทั้งหลายไม่ได้เจอกันมาตั้งนาน แต่ทุกคนก็ยังคงคุยกันหยอกล้อกันเหมือนดังเช่น วันวาน พึ่งผ่านมาแค่ข้ามคืน

แจ๊คหันมาบอกกับทุกคนว่า ” ได้เวลาไปดูงานประกวดปลากันแล้วหล่ะ คนแน่นจริงๆ เลยน่ะ งานระดับชาติก็อย่างงี้หล่ะ คนแน่นขนัดไปหมด ตอนพี่แจ๊คขับรถมานะ กว่าจะหาที่จอดรถได้ หาตั้งนานนะ ”

บอยถาม ” ค่าผ่านประตูเท่าไหร่อ่ะพี่ ”

เปี๊ยกแทรก ” ค่าผ่านประตู 20 บาท สามสลึง ”

ทุกคนหันไปมองหน้ากันแล้วถามด้วยความงุนงง “ ทำไมต้องมีเศษ สามสลึงด้วยอะ ไอ้เปี๊ยก ”

เปี๊ยกตอบ ” อ้าวเห็นเค้าบอกว่า สามสลึงนะจะเอาไปทำบุญ ส่วนค่าผ่านประตูจริงๆนะ 20 บาท ดังนั้น ก็รวมเป็น ยี่สิบบาทสามสลึงอ่ะ “ ทุกคนร้อง อ๋อออออออออ และถึงบางอ้อในเวลาเดียวกันนั้นเอง

ฉากที่ 7 หลังจากรู้ผลการตัดสินงานประกวดปลาสวยงามแห่งชาติสยามเมืองยิ้มแฉ่ง

ทั้งห้าคนเดินส่ายหัวละบ่นพึมพำพร้อมกัน ไม่มีเสียงร้องเพลง ในหมู่คนทั้ง 5 เสียงเพลงแห่งความผิดหวัง ยังคงก้องกังวานในหัวใจของทั้งห้าคน ซึ่งบัดนี้ยังคงตามมาหลอกหลอนไม่มีวันจางหาย เหมือนเจ้าความผิดหวังยังคงติดตามเป็นเงา ไปทุกๆ ที่ ที่มีการประกวด

แจ๊ค “ ปัดโธ่โว้ย รู้งี้ไม่มาดูให้เสียเวลาหรอก ไหนค่ารถ แล้วยังต้องเสียค่าผ่านประตูอีก ”

เปี๊ยก ” นั่นดิ มาตั้งไกลแต่มีปลาแค่หยิบมือเดียว ทำไมไม่มีใครยอมส่งปลาเข้ามาประกวดเลยหรอปีนี้ “

เจี๊ยบเสริม ” จะมีใครไปส่งปลาเข้าประกวดได้ยังไงกันหล่ะ ไอ้เปี๊ยก ในเมื่อระบบการจัดการในเรื่องการดูแลที่เจ้าของจะส่งเข้าประกวด ยังไม่ดีพอ มีใครหน้าไหนจะเอาปลาสวยๆ เค้ามาลงกันเล่า “

เจี๊ยบพูดต่อ “ คิดดูนะ ปลาตัวใหญ่ๆ แต่ให้อยู่ตู้ แค่ สามสิบนิ้ว แถมอากาศยังเย็นเจี๊ยบแบบนี้ ปลาไม่ป่วยก็คางเหลืองหละไอ้เปี๊ยก ปลาตัวตั้งหลายตังค์ แต่เรื่องการดูแลไม่ดีพอใครจะกล้า คนที่มีอยู่ มีความรู้ในการดูแลปลาที่เข้าประกวดมากน้อยแค่ไหน ข้าเห็นมีแต่คนที่ไม่มีความรู้เรื่องการดูแลเลยนะ ดูแลแต่ความเรียบร้อยเป็นอย่างเดียว อาการภายนอกเวลาปลาป่วยก็ยังดูไม่ออก ข้าเห็นตู้นั้นเป็นจุดขาวเต็มตัวเลยอ่ะ ไม่รู้เจ้าของปลาเค้าจะรู้ไหมน่ะ “

น้อยหน่า “ เรื่องนั้นมันก็เรื่องของเจ้าของเค้าน่ะ ก็เจ้าของปลาเค้าก็เห็นอยู่แล้วว่าระบบการจัดงานมันใช้ไม่ได้ แต่ยังดันทุรังส่งปลาเข้าประกวดอีก ก็ถือว่าเจ้าปลาน้อยตัวนั้นโชคร้ายแล้วกัน แต่ที่เห็นแล้วทนไม่ไหว ก็เรื่องการตัดสินนะ ”

เปี๊ยกกะบอยพูดขึ้นพร้อมกัน ” ใช่เลย มันตัดสินค้านสายตากันอย่างเห็นๆ มีอย่างที่ไหน ปลาที่เรียกว่า กำ… ไกล อะไรก็ไม่รู้ กับอะไรนะกับ เทกดำเทกแดง และอีกตั้งหลายตัวนะ สวยก็ไม่สวย ตัวก็ดำๆ ด่างๆ แล้วมันได้ที่ 1 กับ รางวัลปลาสุดยอดไปได้ยังไงกันอ่ะ เห็นกรรมการนะ ตอนตัดสิน เอากระดาษมาจดอะไรก็ไม่รู้ ยึกยือ ข้าก็อ่านไม่ออก เห็นพอไปดูตรงช่องของปลาตัวนี้แล้วส่ายหัวทุกคนเลย แต่ทำไมพอประกาศผล ถึงกลับตาลปัตร กันแบบนี้ว๊ะ ใบคะแนนก็ไม่มีให้ดู สงสัยพวกนี้จบเมืองนอกอีกแล้วว๊ะ ข้างนอกสดใส ข้างในต๊ะติ๊งโหน่ง ”

แจ๊คเสริม ” นั่นดิ ข้าว่างานนี้มีล๊อควงล้อเห็นๆ ”

คนที่เหลือหันมาถาม “ อะไรของเอ็งว๊ะไอ้แจ๊ค ล๊อควงล้อ ”

แจ๊คตอบ ” อ้าวก็ที่ 1 แบเบอร์ไง โธ่ พวกเอ็งนี่ไม่ทันสมัยเอาเสียเลย ”

บอยเสริม ”ผลเป็นยังไงก็ช่างมันเถอะ ยังไงพวกเราก็ทำเต็มที่แล้ว แต่ที่ข้าทนดูแล้วน่าสมเพสอะ พวกเอ็งรู้หรือเปล่าว่า ตรงไหน ”

คนทั้งหมดหันมาถาม ” ตรงไหนของเอ็งว๊ะไอ้บอย ”

บอยตอบ ” ก็ตรงช่องที่ใส่ปลาหมอสีที่เข้าประกวดอ่ะ พวกเอ็งไม่เห็นหรอ พอคนส่งเข้าประกวดมากๆ ช่องที่เตรียมมาไม่พอ พวก แม่ง ดันเอาปลากั้นสองเฉยเลย บางตู้ก็มีกั้นสามนะ น่าสงสารปลาจังเลย อยู่ในที่เล็กๆ แล้วยังต้องมา กั้นสองกั้นสามในที่ใบเดียวกันอีก (กั้นสองในที่นี้หมายถึง การเอาปลาตัวแรกใส่ลงไปในช่องที่เตรียมไว้ แล้วเอาแผ่นกระจกกั้นแบ่งเป็นช่องๆๆแล้วใส่ปลาตัวที่สองลงไปอีกด้าน) บางตัวนะ ข้าเห็นตายหงายท้องเลยนะ ตัวที่อยู่ด้านข้างคงจะติดเชื้อเข้าไปด้วยแหงเลย ท่าทางรอดยากว๊ะ

ทั้ง 5 คนหัวเราะขึ้นมาดังๆ นึกย้อนไปสมัยวันงานประกวดปลาประจำจังหวัดยิ้มไม่หุบ บรรยากาศ ช่างเหมือนกันเสียนี่กระไร ความสุขปนความทุกข์ในวันจัดงานช่างเหมือนกันเสียนี่กระไร เด็กๆ ทั้ง 5 ซึ่งบัดนี้โตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว ต่างหัวเร่อ งอหายทุกครั้งเมื่อนึกถึงวันงานประกวดปลา

ผลการตัดสิน บรรยากาศ ฝูงคนในงาน ทำให้เหมือนรู้สึกว่า ได้กลับมางานประกวดปลาประจำจังหวัดยิ้มไม่หุบทุกครั้ง อย่างน้อยคนทั้ง 5 ก็ยังมองในส่วนดีของการจัดงานว่า “อย่างน้อยก็เป็นวันที่ทำให้เพื่อนๆ ที่ห่างหายไปนานได้กลับมาพบกัน สอบถามสารทุกข์สุขดิบกันทุกปี ทุกคนพูดอยู่เสมอทุกครั้งที่มาดูงานประกวดปลาว่า ”แม้เวลาจะเปลี่ยนไปนานเพียงใด แต่วิธีการการจัดงานและผลการตัดสินก็ไม่เคยเปลี่ยน เปรียบเสมือนมิตรภาพของพวกเราทั้ง 5 ที่ไม่มีวันจางหายไปจากหัวใจของพวกเรา สู้เค้าต่อไป ไอ้มดเขียววี3

หวังว่าเพื่อนๆ ชาวเพทแมกคงจะสนุกกับ แฟนฉัน ภาคพิเศษ นะครับ อ่านแล้วได้ข้อคิดอย่างไรกันบ้าง สนุกสนานกันมากน้อยแค่ไหน ขอให้ความสุขใจจงบังเกิด บทสนทนาในเรื่องนี้ บางส่วนสะท้อนออกมาจากความรู้สึกของเพื่อนๆ ผู้เขียนหลายๆ คนที่ได้มีโอกาสไปดูงานประกวดปลาหลายๆ ที่ แล้วมารำพึงรำพันถึงสิ่งที่พบเห็น ทั้งความเศร้า ความสนุก

ผู้เขียนอยากบอกผ่านถึงทุกท่าน ที่จะขันอาสารับจัดงานประกวดปลาสวยงามอะไรก็ตาม ขอให้ผู้จัดงานได้กรุณาเอา จิตใจ ใส่ลงไปในงานด้วย ได้โปรดอย่าจัดงานพียงเพราะว่า คุณขอมา ไม่งั้นงานที่ออกมาก็ไม่สามารถสะท้อนความมีตัวตนของงานออกมาได้ แล้วเมื่อนั้นวงการสวยงามของประเทศชาติก็ไม่สามารถที่จะ พัฒนาไปใน ทางที่ดีขึ้นได้ เพียงเพราะทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่เอาใจมหาชนมาใส่ไว้ในงาน ก็คงเป็นได้แค่เพียง งานประกวดปลาประจำจังหวัดยิ้มไม่หุบเท่านั้นเอง