0000463

เรื่องเล่าของลุงแป๊ะ : “ราหูอมปลาลิ้นหมา”

เมื่อคราวที่แล้วผมเล่าเรื่องปลาราหูหัวขโมยให้อ่านกันไปแล้ว แต่ยังมีเรื่องของปลาราหูอีกหลายเรื่อง ซึ่งเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวของผมเอง มันเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ช่วงกลางเดือน ธันวาคม เมื่อแม่น้ำน่านเริ่มลดระดับลง เป็นสัญญาณว่าฤดูล่าปลาลิ้นหมาเริ่มขึ้นแล้ว พวกเราลงข่ายหาปลาลิ้นหมากันอย่างคึกคัก บริเวณนี้เราลงข่ายกันอยู่ 6 คน เหนือไปทางต้นน้ำคือไอ้ยอด (หนุ่มฮิปปี้ผมยาว) ที่บ้านมันเปิดเป็นร้านขายของชำ มีของขายแทบทุกชนิด ตั้งแต่ปุ๋ย ยา ของกิน ของใช้แทบทุกอย่าง แต่มันชอบหาปลาเป็นชีวิตจิตใจเรียกได้ว่าถ้าวันไหนไม่ได้ลงแม่น้ำ มันนอนไม่หลับ แล้วมันก็มาบริการรับซื้อปลาลิ้นหมาถึงในแม่น้ำเพื่อขายส่งให้แม่ค้าอีกที ซึ่งพวกเราก็ชอบเพราะไม่ต้องไปขายถึงตลาดแถมมันยังซื้อแพงกว่าแม่ค้าในตลาดซะอีก “กูสงสารพวกมึง ลงข่ายเหนื่อยแล้วแถมยังถูกกดราคาอีก” ไอ้ยอดมักจะพูดอย่างนี้เสมอ (ใครที่เคยลงข่ายปลาลิ้นหมาแล้วจะรู้ว่ามันเหนื่อยขนาดไหน เพราะต้องใช้หินถ่วงให้ข่ายติดกับพื้นแม่น้ำ และน้ำแม่น้ำก็ค่อนข้างไหลแรง เพราะฉะนั้นเวลายกจะหนักมากต้องใช้แรงเยอะ ตอนเริ่มลงใหม่ ๆ ถึงกับจับไข้กันเลยก็มี) ถัดจากไอ้ยอดลงมาคือไอ้หมี เซียนปลาชื่อดังของลำน้ำน่านแถบนี้ใครไม่รู้จักไอ้หมีถือว่าไม่ใช่คนหาปลาตัวจริง มันหาปลามา 30 กว่าปีแล้ว ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ มันอยู่ในแม่น้ำมาตลอด เรียกได้ว่าเป็นครอบครัวคนหาปลาเลยก็ว่าได้ เพราะทั้งลูกทั้งเมีย หาปลากันทั้งบ้าน และที่สำคัญหาปลากันเก่งทั้งบ้านเสียด้วย ใครไม่ได้ปลาแต่มันต้องได้ เรียกว่าถ้ามันเดือดร้อนเรื่องเงินมันขอเบิกจากแม่ค้าปลาล่วงหน้าได้เลย (เรื่องนี้ถือว่ามันมีความน่าเชื่อถือมากครับ) ต่อจากไอ้หมีก็มาผม แล้วลุงบนอยู่ถัดไป ท้ายสุดคือ ไอ้เอ็กซ์น้องเล็กของกลุ่ม เพราะมันอายุน้อยกว่าพวก

พวกเราเลือกทำเลลงข่ายกันตามใจชอบ เหมาะใจตรงไหนลงตรงนั้น แบ่ง ๆ กันลง ปีนี้ปลาลิ้นหมาติดข่ายมากกว่าทุก ๆ ปี ทำให้มีรายได้แต่ละวันคุ้มค่าเหนื่อย ลงข่ายไปได้สักระยะหนึ่งก็เริ่มมีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้น ข่ายที่ลงปลาลิ้นหมาเริ่มขาดเป็นรูเบ้อเริ่มใหญ่เท่าฝาโอ่ง บางผืนก็ถูกฉีกขาดเป็นริ้ว ๆ ปลาลิ้นหมาที่ติดข่ายอยู่เละเหมือนโดนปลาใหญ่ขย้ำ แต่ที่มันกินเข้าไปไม่ได้เพราะปลาลิ้นหมา มันติดข่ายอยู่มันดึงปลาที่ติดข่าย ทำให้ข่ายฉีกขาดเสียหายมาก เรารู้แล้วว่าไอ้ปลาหัวขโมยมันมารังควานเราอีกแล้ว แต่เราก็ยังเฉยๆ เพราะมันจะมากวนเราทุก ๆ ปีอยู่แล้ว พอข่ายขาดเราก็ไปซื้อมาเปลี่ยนใหม่ครั้งสองครั้งผมก็ยังทนได้ แต่พอมันขาดบ่อยขึ้น ๆ จนมาระยะหลังมันขาดทุกวัน ผมเริ่มมีโมโห ถึงแม้จะย้ายที่ลงข่ายหนีมันไปลงให้ไกลจากที่เก่า แต่มันก็ยังตามไปฉีกข่ายกินปลาลิ้นหมาอีก

ทีแรกก็ฉีกข่ายผืนเดียว ตอนหลัง ๆ เพิ่มเป็น 2 ผืน 3 ผืน และเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ (ผมลงข่าย 20 ผืน) เงินที่ขายปลาลิ้นหมาได้ต้องนำมาซื้อข่ายเปลี่ยนใหม่อยู่ตลอดเวลา และลงข่ายปลาลิ้นหมามันลงง่าย ๆ เสียเมื่อไหร่ ลงแต่ละครั้งมันค่อนข้างยุ่งยากต้องใช้เวลาพอสมควร ตอนหลังมันฉีกข่ายของผมคนเดียวซะที่ไหน มันเริ่มอาละวาดไปฉีกข่ายของคนอื่นในรัศมี 3 กิโลเมตร เรียกว่าโดนกันถ้วนหน้า พวกเราเริ่มปรึกษากันว่าจะเอาอย่างไรกับมันดี ไอ้ยอดลงความเห็นว่า ต้องสั่งสอนมัน “ถ้าเราจับมันได้ ต้องเอามานั่งอบรมสั่งสอนสักครึ่งวัน แล้วเฆี่ยนสักสองสามทีด้วยหวายแช่น้ำเกลือแล้วค่อยปล่อยไป” ไอ้ยอดเสนอตามสไตล์มัน ไอ้หมีบอก “ดูแล้วไอ้ตัวนี้ไม่น่าจะเกิน 60 โล” มันคำนวณจากรูข่ายที่ขาด แล้วทุกคนก็ลงมติให้ผมเป็นคนจัดการในฐานะที่ลงข่ายมากกว่าคนอื่นเขา

พอถึงตอนเย็นไอ้หมีขับเรือลงมาหา พร้อมกับเบ็ดตัวใหญ่ที่ผูกเชือกแล้ว “เอาไปจัดการซะ” เบ็ดตัวนี้ปลา 80 โล สบาย” ไอ้หมีสั่ง พอผมรับเบ็ดมาจากไอ้หมี ก็พอดีกันกับไอ้เอ็กซ์เอาปลากดขนาดเท่าข้อมือเด็กมาให้เพื่อทำเหยื่อล่อ “พี่ต้องเอามันให้ได้นะเที่ยวนี้ มันเล่นข่ายผมไปหลายผืนแล้ว” ผมพยักหน้าให้มันแทนคำตอบ

ผมเริ่มลงมือขึงเชือก แล้วผูกเบ็ดตรงจุดที่มันมาฉีกข่ายเป็นประจำ โดยใช้เชือกเส้นใหญ่เป็นพิเศษกะว่าถ้ามันกินเบ็ดแล้วเชือกต้องเอามันอยู่อย่างแน่นอน แต่ไม่ได้ใช้ถังแกลลอนลอยน้ำอย่างลุงแป๊ะ เพราะกลัวว่าถ้ามันกินเบ็ดแล้วมันจะลากถังไปพันข่ายที่อยู่แถวนั้นทั้งหมด (พวกเรา 6 คน ลงข่าย รวมกันประมาณ 70 ผืน) พอลงเบ็ดเสร็จก็พายเรือกลับขึ้นฝั่งเอาไว้ลุ้นตอนเช้า

เช้ามืดวันรุ่งขึ้น ผมรีบพายเรือไปยังที่ผูกเบ็ด แล้วยกเชือกดูเชือกที่ผูกเบ็ดไว้ตึงมากจนเหมือนจะขาด ผมออกแรงยกเชือกสุดแรงทันใดนั้น มีแรงกระชากใต้น้ำอย่างรุนแรงจนผมต้องปล่อยเชือกออกจากมือทิ้งลงไปในน้ำ เชือกจมลงไปในน้ำอย่างรวดเร็ว ผมรู้แล้วว่าไอ้เจ้าหัวขโมยติดเบ็ดอยู่ ผมหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากถุงกันน้ำโทรหาไอ้ยอดกับไอ้หมี เพราะไอ้สองคนนี้เรือมันลำใหญ่กว่าใคร พอไอ้ยอดรู้ข่าวมันรีบขับเรือแล้วตะโกนบอกไอ้หมีให้ขับตามมาสักครู่มันก็มาลอยเรือ อยู่บริเวณที่ปลากินเบ็ด “เอายังไงดี” ไอ้ยอดถาม “ค่อย ๆ ช่วยกันดึงชักกะเย่อกับมันก่อน” ผมบอก “เดี๋ยวรอไอ้เอ็กซ์ก่อน มันกำลังมาโน่นแล้ว” ไอ้หมีบอกพร้อมกับชี้นิ้วไปทางใต้เพราะเห็นไอ้เอ็กซ์กำลังขับเรือขึ้นมา ลุงบนซึ่งลงข่ายอยู่ใกล้ ๆ ผม พอเห็นพวกผมมารวมกลุ่มกันก็รู้แล้วว่าไอ้หัวขโมยต้องกินเบ็ดแน่ จึงพายเรือเข้ามาหา “เฮ๊ย ! ล่อเข้าแล้วรึไงวะ” ผมพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า “มาลุงบนของแรงช่วยกันเล่นชักกะเย่อหน่อย” ลุงบนพายเรือเข้ามาใกล้ ๆ พร้อมกับไอ้เอ็กซ์มาถึงพอดี ผมสาวเชือกที่ผูกเบ็ดไว้อย่างช้า ๆ “พวกเรา... ช่วยกันดึงเชือกไว้นะ ถ้ามันดึงแรงเราก็ผ่อนดึงไปดึงมาเรื่อย ๆ เดี๋ยวมันหมดแรงเองแหละ” ไอ้หมีร้องบอก ไอ้เอ็กซ์รีบคว้าเชือกมาจับอย่างแน่นพร้อมที่จะดึงเต็มที่ คนอื่นรีบทำตาม พวกเราดึงเชือกขึ้นมาอย่างช้า ๆ แต่เชือกที่เราดึงกลับหนักมาก พวกเราต้องช่วยกันออกแรงเต็มที่ ผมมีความรู้สึกว่าไอ้หัวขโมยมันกำลังดึงเบ็ดอยู่เหมือนกับเรา เชือกที่ผูกกับเบ็ดสบัดไปมาอย่างรุนแรง พวกเราก็ไม่ยอมแพ้ดึงเชือกกันสุดกำลัง ขณะที่กำลังดึงกันอยู่นั้นจู่ ๆ เชือกก็ถูกดึงกระชากพร้อมกันมีแรงสะบัดอย่างแรงสองสามครั้ง เชือกที่เราจับไว้เบามืออย่างรู้สึกได้พวกเรามองหน้ากันเพราะรู้แล้วว่าปลาราหูได้หลุดจากเบ็ดไปแล้ว ผมสาวเชือกมาดูดปรากฏว่าเบ็ดตัวใหญ่ของไอ้หมีได้หักไปแล้ว “ไหนมึงบอกว่า 80 โล สบายไง” ผมโทษไอ้หมี “กูว่าเราประมาทคู่ต่อสู้เกินไปมันต้องใหญ่กว่าที่เราคิดเยอะ” ไอ้หมียอมรับสภาพ “กูว่ามันคงเจ็บปากแล้วต้องเข็ดไปอีกนานแน่” ไอ้ยอดแสดงความเห็นบ้าง วันนั้นเรากลับขึ้นฝั่งอย่างผู้ปราชัย....

เช้าวันรุ่งขึ้นผมไปเลาะปลาลิ้นหมาตามปกติ แล้วก็ต้องเจอกับสภาพข่ายที่ขาดอีกเหมือนเดิม พอเลาะปลาลิ้นหมาเสร็จผมรีบไปตลาดในตัวอำเภอตรงไปที่ร้านขายอุปกรณ์หาปลา “เจ๊เอาเบ็ดที่ใหญ่ที่สุดในร้าน” เจ๊แกมองหน้า คงจะสงสัย เลยถามผมว่า “ลื้อจาเอาไปทำอาราย เอาไปทำตะขอชักปลาหรอ” ผมส่ายหน้า “เปล่าหรอกเจ๊ ผมจะเอาไปเกี่ยวเบ็ด” เจ๊ยิ่งทำหน้างงไปใหญ่เลยถามแก้สงสัยว่า “ปลาอารายจาหย่ายขนาดน๊าน อั๊วม่ายล่ายขายเบ็กหย่ายมานานเลี้ยวมันไม่มีใครซื้อ แต่เอ... เหลียว ๆ อั๊วไปค้นดูให้ก่อน เผื่อจามีเหลือ” ภาษาไทยแกคงยังไม่ค่อยแข็งแรง ว่าแล้วแกก็เดินหายไปหลังร้าน ผ่านไปสักครู่แกก็เดินกลับออกมาพร้อมกล่องเบ็ดกล่องใหญ่ “เหลืออยู่กล่องเลียว ลื๊อจาเอาหมกกล่องหรือจะแบ่งไม๊ เบ็ดหย่าย ๆ อย่างนี้หายากไม่ค่อยมีใครเค้าใช้” เจ๊แกบอก ผมเลยตกลงซื้อมายกกล่องเลย เพราะเบ็ดใหญ่ตรากุญแจ เบอร์ 1 มันหายากจริงๆ อย่างที่เจ๊แกบอก ไม่ค่อยมีขายแล้ว พอผมกลับมาถึงบ้านผมจัดการผูกเบ็ดแล้วนำไปเกี่ยวเหยื่อไว้เหมือนเดิม

พอตอนเช้าวันถัดไป ผมรีบพายเรือไปดูที่เบ็ด แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ยักมีขโมยมากินเบ็ด ผมคิดในใจว่า สงสัยมันคงเข็ดไปแล้ว แต่ว่าข่ายก็ยังขาดเหมือนเดิม พอเช้าวันที่สี่ ผมเลาะข่ายปลาลิ้นหมาอยู่แถว ๆ เบ็ดที่เกี่ยวเหยื่อไว้ แล้วลองยกเบ็ดดูเห็นเหยื่อที่เกี่ยวหายไป พอเข้าไปใกล้ ๆ เบ็ดสิ่งที่เห็นคือ เบ็ดตัวใหญ่เหยียดเป็นเส้นตรงเลยแสดงว่าปลาราหูมากินเบ็ดแล้วมันสลัดหลุดไปแล้วมันต้องตัวใหญ่มาก ๆ เลยไอ้ตัวนี้ ผมนำเรื่องนี้ไปเล่าให้ลุงแป๊ะฟัง ลุงแป๊ะฟังแล้วหัวเราะชอบใจ บอกว่ามันต้องใช้ถังแกลลอน ถึงจะเอามันอยู่ เพราะถ้าปลามันตัวใหญ่จริง ๆ แรงดึงมันมหาศาล เบ็ดตัวใหญ่ ๆ ทนแรงมันไม่ได้หรอกต้องให้มันลากถังแกลลอนให้มันหมดแรงก่อนถึงจะเอามันขึ้นมาได้ แล้วแกก็เตือนว่า “อย่าไปฆ่ามันนะ แค่สั่งสอนมันก็พอ” “ถ้าพวกเอ็งได้ตัวมันแล้วเอาไม้เรียวตีมันสักสองสามทีแล้วบอกมันว่าอย่ามารบกวนอีก แล้วก็ปล่อยมันไป” ลุงแป๊ะสอน ผมก็ได้แต่ฟังแล้วยิ้ม นึกถึงความใจดีของแก ในที่สุดผมต้องเลิกลงข่ายปลาลิ้นหมาก่อนหมดฤดูกาล เพราะซื้อข่ายมาเปลี่ยนไม่ไหวเพื่อฝูงคนอื่น ๆ ก็ค่อย ๆ เลิกตามเพราะมันรังควานไปทั่ว

ในราว ๆ เดือน ธันวาคม ที่จะถึงนี้จะเข้าฤดูหาปลาลิ้นหมาอีก ปีนี้คงได้เจอกับพวกมันอีกแน่ เพราะเราเจอกับมันทุกปีอยู่แล้ว เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ มันยังขึ้นมาฉีกข่ายไอ้หมี ซะพังทั้งผืน ไอ้หมียังบ่น (บ่นเหมือนหมีกินผึ้ง) ว่าปีนี้ถ้ามันมากวนมาก ๆ อีกผมตั้งใจจะสั่งสอนมันตามแบบวิธีของลุงแป๊ะ แล้วผมจะเก็บรูปภาพมาให้ท่านได้ชมวิธีการสั่งสอนปลาราหูถ้ามีโอกาส

เรื่องเล่าเกี่ยวกับปลาราหูยังมีอีกหลายเรื่อง กลัวว่าท่านจะเบื่อกันเสียก่อน แต่ถ้าท่านไม่เบื่อที่จะฟังก็แจ้งมาให้ทราบ (เพราะผมไม่เบื่อที่จะเล่า) จริงๆแล้วยังมีเรื่องปลาราหูอีกมากเช่น ราหูกินปลาสร้อยทั้งฝูง , เรื่อง ราหูดึงไอ้เชษน้องชายผมตกน้ำ, วิธีการล่าปลาราหูของคนโบราณ ลุงเติมหย่อนเบ็ดเข้าปากปลาราหู หรือจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอาธรรพ์ของปลาราหู โดยเฉพาะลุงแป๊ะกับลุงเติมมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับปลาราหูอีกมากมายหลายเรื่อง

ครั้งก่อนที่ผมเล่าเรื่องปลาราหูในเรื่องเล่าของลุงแป๊ะ ตอน “สอนปลาหัวขโมย” ได้มีผู้สนใจสั่งซื้อปลาราหูตัวใหญ่ ๆ มาทางผมหลายรายพอสมควร แต่ทางกลุ่มคนหาปลาแม่น้ำน่าน พวกเราได้ตกลงกันไว้ว่าพวกเราจะไม่หาปลาราหูขนาดใหญ่ขายกันเป็นเด็ดขาด นอกเสียจากหน่วยงานของรัฐ เช่น กรมประมงจะนำไปเลี้ยงเพื่อทำการขายพันธุ์ เราจะขายเฉพาะลูกราหูขนาดเล็ก ที่มากินเบ็ดในช่วงที่เราลงเบ็ดหาปลากระเบนเท่านั้น เพราะปลาราหูขนาดใหญ่เป็นพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ปลาทั้งนั้น เราอนุรักษ์ไว้ให้ขยายพันธุ์ออกลูกออกหลานต่อไป หวังว่าท่านที่โทรติดต่อเข้ามาสั่งซื้อคงเข้าใจในอุดมการณ์ของกลุ่มเรานะครับ ถ้าท่านอยากเลี้ยงจริงๆ ก็นำลูกปลาราหูไปเลี้ยงแทนก็แล้วกันนะครับ แต่ช่วงนี้ยังไม่มีต้องรอช่วงหน้าแล้งเราจะลงเบ็ดปลากระเบนกันจะมีพวกลูกปลาราหูมากินเบ็ดรวมอยู่ด้วย ถ้ามีใครในกลุ่มได้เราจะเรียนให้ท่านทราบต่อไป

ขอขอบคุณ
“กลุ่มคนหาปลาแม่น้ำน่าน”