ถ้าเลี้ยงไม่เยอะ กรองแขวนของ TOP เอาอยู่ครับ

จำเป็นสิครับ เพราะน้ำจะเสีย เมื่อปลามีการขับเมือก+ขี้ปลา+เศษอาหาร แต่น้ำจะเสียเร็วหรือช้าขึ้นอยู่ที่ จำนวนปลา ขนาดตู้(ปริมาณน้ำในตู้) อ่ะครับ ถ้า ปลาเยอะ ของเสียก็เยอะ น้ำก็เสียไว ยิ่งถ้าตู้เล็กๆ แต่ปลาเยอะน้ำก็จะเสียไวมากครับ

ถ้าเลี้ยงไม่มาก แค่อ่างเดียวหรือตู้เดียว ระบบกรองไม่มีความจำเป็นต้องใช้
ใช้แค่กรองฟองน้ำก็พอ จะได้เป็นที่อาศัยของจุลินทรีย์ที่ช่วยขจัดของเสีย
ขยันเปลี่ยนถ่ายน้ำทุกวัน วันละ10-20% ก็พอ
ยกตัวอย่างง่ายๆ วัดความสูงของน้ำได้ 25 เซ็นติเมตร ถ้าเปลี่ยน 10%
ก็เอาน้ำออก 2.5 เซ็นติเมตร (10%ของ25)
ควรใช้สายยางที่มีขนาดเล็กมากๆ ขนาดใหญ่กว่าสายปั๊มลมหน่อยเดียว
ต้องการดูดเฉพาะขี้ปลาออกเป็นหลัก แล้วก็เอาน้ำออกเพียงเล็กน้อย
เสร็จแล้วก็เติมน้ำให้เท่าเดิม โดยใช้น้ำประปานี่แหละเติมเข้าไปจนได้ระดับ 25 เซ็นติเมตร
เปิดน้ำค่อยๆไม่ต้องแรง เปิดให้ไหลน้อยที่สุด เสียเวลานิดแต่ดีกว่าเปิดน้ำแรงๆ
ไม่ต้องกลัวคลอรีนในน้ำประปา เราเติมไปแค่ 10% ไม่เป็นอันตรายต่อปลาทอง
(ผมเลี้ยงปอมปาดัวร์ ก็ใช้แบบเดียวกัน ปอมปาดัวร์ก็ยังอยู่ได้สบาย)

วันไหนอยากขัดตะไคร่น้ำข้างตู้ ก็ขัดเสียก่อน รอให้ตกตะกอน แล้วดูดน้ำออก

การเปลี่ยนถ่ายน้ำทุกวัน ทำให้ปลาแข็งแรง สดชื่น และมีการเจริญเติบโตได้ดี

แต่ถ้าไม่มีเวลา(แล้วจะเลี้ยงปลาทำไม?) ก็ต้องใช้เครื่องกรองเข้ามาช่วยดูแล
การใช้เครื่องกรองเป็นเพียงแค่การยืดระยะเวลาการเปลี่ยนถ่ายน้ำเท่านั้นเอง
นอกจากนั้น...แม้ว่าเราจะไม่ต้องล้างตู้-เปลี่ยนน้ำ
แต่เราก็ต้องมาทำความสะอาดเครื่องกรองอยู่ดี
นานๆครั้งเราก็ต้องใส่น้ำใหม่เข้าไปบ้าง

ผมเลือกใช้การถ่ายน้ำทุกวันดีกว่า ไม่ต้องเสียเงินซื้อเครื่องกรอง
ไหนๆจะเลี้ยงปลาแล้วก็ควรมีเวลาให้กับปลามากๆ
ไม่ว่าสัตว์ชนิดไหน ถ้าเอาเขามาเลี้ยง คนเลี้ยงต้องมีเวลาให้กับเขา
ดังนั้นเวลาจะซื้ออะไรมาเลี้ยง ก็ต้องถามตัวเองก่อน
* เรารักเขาไหม?
* เรามีเวลาให้กับเขาไหม?
* เรารู้จักเขาดีแค่ไหน?
ถ้าทำได้ครบ3ข้อ...ก็ลุยเลย

มีญาติเขาให้มาค่ะ หนูก็ไม่รู้จะเลี้ยงยังไงเครื่องกรองน้ำก็ไม่มี เลยเอาใส้อ่างปลาไว้เฉยๆเลยค่ะเเล้วเครื่องกรองนิราคาเเพงไหมคะ