กว่าจะมาเป็นภาพตู้เลคแทงข้างบน ก็อยากให้เพื่อนๆ ได้เห็นขั้นตอนต่างๆ ในการจัดตู้ของผมกันเลยครับ

อย่างที่บอก ผมได้นอนคิดภาพคร่าวๆ ไว้เมื่อคืน แล้วกลับจากประชุมมาถึงบ้าน
จึงไปควานหาอุปกรณ์ต่างๆ มาเตรียมไว้พร้อมข้างตู้ ว่าแล้วก็ทำทฤษฎี Denytifying filtration
ด้วยการนำแผ่นใยกรอง Matala แบบสีน้ำเงิน ลักษณะเป้นใยขึ้นรูปกึ่งแข็ง ที่นิยมใช้
ในการทำใยกรองบ่อปลาคาร์ฟ มาตัดให้เกือบพอดีพื้นตู้ โดยเว้นช่องว่างโดยรอบ
ให้มวลน้ำสามารถเคลื่อนผ่านมาบำบัดได้ระดับหนึ่ง

และเนื่องจากการจัดตู้แนวเลคแทง ต้องใช้พวกก้อนหินที่อาจมีน้ำหนักมาก และอาจทำให้ตู้เกิดแตกร้าวได้
ผมจึงหาอุปกรณ์บางอย่างมาช่วยเป็นตัวรับและกระจายน้ำหนักก้อนหินบริเวณจุดที่ใช้ก้อนใหญ่หนักเป็นพิเศษ


ในที่นี้ผมไปหาเศษโครงพลาสติกแข็ง PP ลองพื้น ที่ติดมากับใต้กล่องขนย้ายตู้เย็น Samsung ที่ซื้อมา
ซึ่งคิดว่าในบ้านเราน่าจะมีพลาสติกแบบนี้ขายตามวัสดุก่อสร้าง หรืออาจหาอะไรที่คล้ายๆ
และแข็งแรง ไม่ทำปฏิกิริยาต่อน้ำมาแทนก็ได้ โดยผมนำมาตัดวางตรงบริเวณมุมตู้ที่จะวางหินก้อนโตๆ

...

จากนั้นก็เอาตะแกรงแผ่นกรองใต้พื้น ที่ผมเลือกแบบที่ต่อเป็นจิีกซอรืเพราะจะรับน้ำหนักได้ดีกว่าแบบขึ้นรูปแผ่นใหญ่ครับ

ต่อจนเป็นแผ่น ติดท่อกรอง

วางลงพื้นตู้ครับ ติดตั้งหัวปั๊มเจ๊ต ขนาด 900 ลิตรต่อชั่วโมง เพื่อเป็นตัวดึงน้ำผ่านชั้นกรวดปะการัง
และขณะเดียวกัน ก็จะดึงมวลน้ำใต้ล่างให้เคลื่อนออกจากพื้นด้านบนลงมาแทนที่ไปบำบัดด้วยกลุ่ม
แบคทีเรียที่ย่อยไนเตรต

วันนี้เด็กแว๊นไม่มาปาดเลย 555

ปูกรวดปะการัง ที่ใช้เป็นทั้งวัสดุกรอง และปรับค่า pH และความกระด้างให้เหมาะกับเลคแทง

จะเห็นชั้น layer ของกรองระบบผสมของผม

พอปูกรวดปะการังเสร็จ เกลี่ยเนินคร่าวๆ แล้วก็ถึงขั้นตอนที่ท้าทาย...วางหิน!

ต้องบอกว่าขั้นตอนนี้เสี่ยงและต้องระมัดระวังมาก หากเผลออาจทำหินเคลื่นไปกระแทกกระจก
หรือหล่นกลิ้งล้มอาจไปโดนจนอาจต้องสั่งต่อตู้ใหม่ได้

แต่ละก้อนที่ผมใช้เป็นชุดฐานหนักอย่างน้อยๆ 10 โล นี่คือเหตุผลที่ผมต้องหาวิธีทำฐานรับกระจายน้ำหนักให้แผ่ออกไปตามขอบตู้ที่ดามคานหนาสองชั้นแทนที่จะให้กดลงในพื้นด้านใน

..

..

...

..

ต้องสร้างถ้ำไว้ทางซ้ายหน่อย เผื่อหา คาวาส หรือ คอมเพลส มาเพิ่ม ต้องมีถ้ำหลบนอน

..

..

พอดูคร่าวๆ ว่าก้อนหลักๆ ลงตัวแล้วก็เตรยมเช็คความเรียบร้อยรอบๆ ตู้ก่อนใส่น้ำ

ต้องลองใส่น้ำ เพื่อดูภาพแบบใต้น้ำด้วย เพราะมันจะบิดเบือนมุมมอง อาจต้องย้ายบางก้อน

ตู้ใบนี้ขนาด 60-20-20 ใช้กระจกหนา 2.5 หุน เสริมบ่ายึดบน มีการดามคานล่างรอบ และเสริมเสามุมทั้งสี่ด้านเพื่อความแข็งแรงเป็นพิเศษ จึงไม่ห่วงกังวล และใส่น้ำเต็มปรี่ได้อย่างเบาใจ

แว๊นมาแว้ววววววววววววว

เต่าวิ่งงงงงงงงงงงง

ตอนเย็นไปแวะซื้อฉากพลาสติกสีน้ำเงินเข้ม และไฟมาติด พร้อมทั้งไปเลือกหินแต่งขนาดเล็กๆ
มาเพิ่มเติมลายละเอียดให้ภูมิทัศน์ในตู้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นอีกหน่อย

คิดว่าจะเติมแบคทีเรียสำเร็จรูป และรันปั๊มเจ๊ต เทกุ้งบดผสมน้ำเพื่อเลี้ยงแบคทีเรียให้บูมซักเดือน ก่อนลงปลาครับ

5555+ โดนเจ้าฟ่อนมาปาดจนได้ อิ อิ

ตู้จัดokเลยครับ

บอกได้คำเดียวว่าไม่ธรรมดาครับ สุดยอด วันหลังมีโอกาสเซ็ทตู้ใหม่จะ ก๊อป มาทั้งดุ้นเลย

สวยมากครับ แต่เสียวหินหล่นลงมาจังครับ หรือว่าติดกาวไว้แล้วหรอครับ

ตู้แห่งการศึกษาครับ ระบบนี้ผมไม่ได้ใช้มาซักระยะแล้ว อยากรู้เหมือนกันครับว่าใช้กับ lake นี้จะเป็นอย่างไรบ้าง

ตู้สวยครับเห็นแล้วคันมือจนต้องไปขยับหินในตู้เลยทีเดียว

สวยมากมายก่ายกองเลยครับพี่

ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ากรองใต้กรวดมันจะทนได้นานแค่ไหน

ขนาดตู้48 แค่ 3 วันล้างใยแก้ว น้ำ 1 ถังอย่างกับโคลน

ผมขอออกความเห็นนิดนึงนะครับ


ปกติ ใยกรองบ่อปลาคาร์ฟ มีหน้าที่ดักของเสียในลักษณะหยาบ ๆ และ ถือเป็นที่อยู่ของแบคทีเรียได้ดีเหมือนกัน

แต่มันต้องมีตัวช่วยอีกตัว ซึ่งจะทำหน้าที่ย่อยสลายของเสียให้มีขนาดเล็กลง เพื่อลดการอุดตัน และช่วยทำให้แบคทีเรียทำงานได้ดีขึ้นด้วย ที่บ้านผมใช้ผมใช้อ๊อกซิเจนแบบหัวทราย ตามรูป เป่าแบบน้ำเดือดเลย ขี้ปลาสลายจนมองด้วยตาเปล่าไม่เจอเลยอ่ะ 55

ผมดูตู้พี่แล้วปั๊มมุมตู้ ไม่แน่ใจว่าจะเอาอยู่ป่าวนะครับ

แต่ของอย่างนี้มันต้องลองดู เพราะในบ่อไม่เหมือนในตู้ ถ้าดีเอามาบอกต่อ ด้วยนะครับ

ขอบคุณและยินดีมากๆ เลยครับที่เพื่อนๆ มาร่วมชมและแนะนำและเปลี่ยนข้อคิดเห็นการจัดตู้เลคแทงของผมกัน

เรื่องหินถล่ม ก็กลัวอยู่เหมือนกันครับ จึงระวังเป็นพิเศษ เพราะเมื่อวานชั่งเล่นๆ ก้อนใหญ่สุดทางซ้ายที่เป็นฐาน หนัก 18.5 โล เนินเขาทางขวา รวมๆ สามก้อนนั่น น่าจะไม่น้อยกว่า 25 โล หากไม่มีการทำฐานเป็นคานรองรับการกระจายน้ำหนัก และมีการวางให้เกิดล็อกยึด และบาลานซ์ให้ได้โมเมตั้มแล้ว อาจเกิดเหตการณ์ไม่คาดคิดได้เหมือนกันครับ

เกี่ยวกับการรับโหลด อันนี้ผมก็ได้ลองคำนวนไว้คร่าวๆ เช่นกันครับ โดยอาศัยจากประสบการณ์การลองผิดลองถูก ศึกษาเกี่ยวกับระบบกรองของบ่อปลาคาร์ฟของผมมาประยุกต์เช่นกันครับคุณโรม และโดยหลักการกรองแบบชีวภาพนี้ เราจะให้ความสำคัญสูงสุดเกี่ยวกับพื้นที่ผิวที่แบคทีเรียจากการสร้าง biofilm และความสามารถในการทำงานย่อย "สารละลาย" อันได้แก่แอมโมเนีย ไนไตรต์ ไนเตรตที่เป็นพิษ (มันไม่ได้ย่อยตัวตะกอนนะครับ)

แน่นอนว่า หากเศษตะกอนตกค้าง ไปอุดตันในวัสดุกรอง มันก็จะไปลดทอนการทำงานของแบคทีเรียลงด้วย ดังนั้นเมื่อผมเลือกระบบกรองแบบ Under gravel filtration นี้แล้ว ผมก็มีการบ้านที่จะต้องคอยใช้กระบอกดูดตะกอนตกค้างออกเป็นประจำด้วยครับ

ในเรื่องอัตราการไหลของนำ อันนี้ผมคิดว่าอาจจะต้องเพิ่มแรงปั๊มขึ้นอีกหน่อยตามคำแนะนำของคุณโรมครับ เพราะลองคำนวนคร่าวๆ แล้ว น้ำตู้ผมเมื่อหักส่วนหิน ฯลฯ ออกก็จะมีน้ำอยู่ 300 ลิตร หากใช้ปั๊มตัวนี้ที่เอาจากตู้เก่ามาใช้ อัตราไหล 900 ลิตร/ชั่วโมง ก็จะมีน้ำผ่านกรองราวๆ 3 รอบ ผมคิดว่าอย่างน้อยๆ ต้อง 4-5 รอบจึงจะพอดีครับ วันนี้ผมคงไปหาปั๊มเจ๊ตที่แรงกว่ามาเปลี่ยนครับ

แต่ก็ขึ้นกับปัจจัยสำคัญอีกอย่างด้วย คือจำนวนปลา ที่จะใส่ ในตู้นี้หากผมเลี้ยงแค่น้องฟรอน 10 ตัว และอาจมีเพื่อนร่วมเลคอีกสามสี่ตัวเล็กๆ ก็คงจะพออยู่ไปได้อย่างปรกติสุขซักปี พอคับๆ ตู้ก็คงสั่งตู้ 96-30-30 มาเปลี่ยนให้พวกเค้า ตู้นี้ก็คงไว้เลี้ยงพวกตัวเล็ก หรือกลุ่มมาลาวีสีสวยๆ แทนครับ

รู้แล้ว ว่าถ้าเรื่องขุดหิน แบกหินนี้ต้องปรึกษาใคร



ขอออกความเห็นบ้าง
1. ถ้าเราเอากรองนอก ไปติดแทนปั๊มน้ำตัวนั้น น้ำก็จะได้ผ่านการบำบัด X 2 ใช่ไหมครับ?
2. จากความเห็นของโรม เรื่องการเติมอ๊อกซิเจนเพื่อเร่งการสลายตัวของขี้ปลา ถ้าเราใช้หัวทรายที่เป็นแท่งยาวๆ ฝังไว้ล่างสุดเลย จะเนียนไหม?

เมื่อกี้เดินมาดูตู้เลคแทงของผม พอดีมีแสงแดดส่องลอดช่องหลังคาโปร่งแสงด้านหลังตู้เข้ามาเป็นลำๆ โดยก้อนหิน มันช่างให้ความรู้สึกเหมือนถาพใกล้ชายฝั่งข้างใต้ทะเลสาบจริงๆ เลยครับ

ผมหล่ะชอบแสงเช้าเป็นลำๆ ลงมาแบบนี้มากๆ ถ้าตะไคร่เริ่มเกาะ และถ้าน้ำเข้าที่ใสปิ๊งกว่านี้คงเนียนยิ่งขึ้น

โอ้..ไอเดียกระฉูดยิ่งขึ้นไปอีกเลยครับคุณ TomCm

เออจริงด้วยแอ่ะ ถ้าเราเอาท่อกรองถังภายนอกเป็นตัวดูดน้ำออกไปกรองเพิ่มเติมก้ยิง่จะช่วยฟอกน้ำให้สะอาดเพิ่มมากขึ้นอีก

ส่วนการใส่ม่านฟอง ก็ไม่เลวเลยครับ มันจะช่วยพลิกมวลน้ำให้เคลื่อนตัวขึ้นมาแลกเปลี่ยนรับเอาก็าซอ็อกซิเจนละลายลงไปในน้ำมากขึ้น ซึ่งจะมีผลโดยตรงกับการเพิ่มประสิทธิภาพของการย่อยของเสียโดยแบคทีเรียให้ดีขึ้นอีกเช่นกันครับ

มาสูบความรู้ครับ

# 34 มันแจ่มมาก แทบจะรอลงปลาไม่ไหวแล้ววว

ผมหล่ะนั่งนึกภาพน้องคาวาส หรือคอมเพลส สีเหลืองๆ ลายๆ โผล่หน้ามาไล่น้องฟรอนจากในถ้ำเลยหล่ะครับ

ปกติกรองใต้ตู้จะใช้อ็อกเป่าดันน้ำออกจากไซฟ่อน มวลน้ำจะถูกดูดเต็มระนาบของพื้นตู้ลงไปใต้หิน

แต่ตู้ข้างบนนี่กลายเป็นว่าเอาน้ำดันเข้าไปช่องแคบๆรูเดียว (ซึ่งโอกาสตันสูงมาก) และดันน้ำขึ้นจากพื้น (ซึ่งก็ทำให้ตะกอนขี้ปลาฟุ้ง)

อีกทั้งไม่มีอ็อกซิเจนเติมให้แบคทีเรียใช้ในการย่อย ก็ไม่รู้ว่าไซเคิลนี้จะเสถียรมากน้อยแค่ไหน
เห็นด้วยว่าควรใส่แท่งอ็อกเพิ่ม

ชั้นหินหนาขนาดนี้ดูดตะกอนไม่ง่ายนะครับ แถมดูดทีนึงต้องจัดตู้ใหม่แน่ๆ

และในกรณีเปลี่ยนปั๊มใหญ่ขึ้น โอกาสที่จะดูดปลาตัวเองลงไปใต้หินก็อาจเกิดขึ้นได้

ติดกรองนอกตัวใหญ่ๆซ่อนไหวหลังหินซักตัว กับเตรียมหาปลากินตะไคร่ไว้ก็ดีครับ
โดนแสงแบบนี้ เดี๋ยวจะมองปลาไม่เห็น

คุณ Comkung ดูดีๆ นะครับ จากภาพจะเห็นว่าเป็นการ "ดูด" มวลน้ำจากใต้กรอง แล้วเป่าไปทางซ้ายของตู้น่ะ

ถ้าดูจากรูปที่ 5 จะเห็นได้ชัดเจนจ๊ะ

แหล่มเลยครับพี่

สวยค่ะ แต่ดูหินมันคมๆๆยังไงไม่รู้..

ความคิดเห็นที่ 33 รูปนี้ ลำแสงแห่งพระเจ้าเลยนะเนี่ย

ปล. แต่เชื่อมะว่าฟรอนมันไม่ชอบลำแสงแบบนี้ บ่อที่บ้านตอนบ่าย4 โมงเย็นมีแสงแบบนี้เลยเข้ามาในบ่อ ปรากฎว่าฟรอนหนีไปมุดหลบมุมมืดกันหมด 55

ชอบมากเลยครับตอนแดดส่องลงมาเนี่ย กลัวเรื่องหินจะหล่นเหมือนกันนะครับ

เมื่อวานไปหาซื้อปั๊มเจ๊ตแบบ 1500 ลิตรต่อชั่วโมงเพื่อมาเปลี่ยนได้แล้วครับ

เรื่อง "ตะไคร่" แบบเส้นขน หรือแบบแผ่นเกาะ อาจมีบ้างกับผนังตู้กระจก แต่ไม่ค่อยกังวลอะครับ เพราะเราขัดได้
ส่วนเรื่องน้ำเขียวนี่ 55555+ เป็นเรื่องหมูสำหรับผม เพราะถ้าใครที่เล่นปลาคาร์ฟจะรู้ซึ้งเรื่องนี้ดี
ว่าคือด่านแรกที่ถ้าเอาอยู่ ก็ผ่าน level สบาย

คือจริงๆ หลักการมันง่ายอย่างเหลือเชื่อเลยครับ เพราะตะไคร่แบบเซลล์เดียวที่แขวนลอยในน้ำ
และเป็นสาเหตุของน้ำขุ่นเขียวนั้น มันต้องอาศัยปัจจัยหลักสามอย่างในการเกิด ถ้าขาดตัวใดตัวหนึ่งไป
มันก็จะไม่มีทางก่อปัญหาให้เราเลยครับ นั่นก็คือ น้ำ แสง และอาหาร ซึ่งถ้าสามอย่างครบ รับประกัน
แก้ยังไงก็ไม่หาย!

บ่อปลาคาร์ฟที่บ้านผม เป็นบ่อเดียวในก๊วนเพื่อนๆ สามสี่คน ที่เล่นปลาคาร์ฟพร้อมๆ กันที่ไม่เคยมีน้ำเขียวเกิดขึ้นเลย
นั่นก็เพราะผมทำให้หนึ่งในปัจจัยการเกิดน้ำเขียวมันน้อยลง หรือแถบไม่มีอยู่เลยนั่นเอง


น้ำ แน่นอนเลี่ยงไม่ได้ และบ่อผมโดนแสง แต่ไม่ถึงกับแรงทั้งวัน เป็นแสงส่องผ่านหลังคาอะคีลิกแบบโปร่งแสง
ลงมาวันละ 4 -5 ชั่วโมง สิ่งที่ทำให้ไม่เกิดน้ำเขียวก็คือ ผมเน้นที่ระบบกรองครับ คือออกแบบสร้างบ่อกรองไว้ใหญ่
เกือบจะครึ่งหนึ่งของบ่อเลี้ยง นอกจากนี้ยังมีการสร้างระบบกรองชีวภาพเสริมอีกสองอย่างเพิ่มเข้าไป
คือน้ำจากบ่อกรองแบบน้ำมุดน้ำรอดห้องสุดท้าย ที่จะปั๊มน้ำกลับบ่อเลี้ยงนั้น ผมเดินท่อแยกน้ำเป็นสามส่วน

ส่วนหนึ่งเข้าบ่อจากท่อฝังผนังปรกติ 2 จุด อีกส่วนแยกออกไปยังผนังน้ำตก ที่มีการปลูกเถาต้นพลูด่างในบ่อพักน้ำตก
เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นตัวดูดไนเตรต ที่เป็นอนุภัณฑ์สุดท้ายในวงจรไนโตรเจน ให้กลายเป็นปุ๋ยต้นไม้ไปจนเกลี้ยง
เจ้าไนเตรตที่ว่านี่หล่ะครับ คืออาหารชั้นดีของสาหร่ายที่ทำน้ำเขียว พอมันโดนพลูด่างแย่งไปหมด ก็อดตาย!
ระบบกรองที่ใช้พืชมาช่วยกรองนี้ ฝรั่งเรียกกันว่า Vegi Filter หรือ Plant Filtration ครับ

เท่านั้นยังไม่พอ ผมยังออกแบบให้น้ำอีกส่วนแยกไปปล่อยผ่านในตู้กรองแบบ Wet/Dry Filter
แบบเหมือนที่เรานิยมทำกรองกั้นข้างระบบน้ำกึ่งแห้ง ที่ให้น้ำหยดผ่านวัสดุกรองประเถทไบโอบอล
ซึ่งระบบนี้จะเกิดภาวะ Denitrification ที่จะมีแบคทีเรียกลุ่มกินไนเตรตมาทำหน้าที่ช่วยย่อยปุ๋ยสาหร่ายออกไปหมด
บ่อปลาคาร์ฟผมจึงไม่เคยเกิดน้ำเขียวเลย ตั้งแต่สร้างมา ทั้งๆ ที่ช่วงบ้าเริ่มแรก ก็กระหน่ำหาปลาเข้าบ่ออย่างกับปล่อยคลองหน้าวัด
คือปลาแน่นมาก บ่อ 22 ตันมีปลาร่วม 60 ตัว ที่พอเลี้ยงไปปีสองมันโตคับบ่อ ต้องไล่แจกเพื่อนๆ ไปจนเหลือสิบกว่าตัว!

ด้วยหลักการที่ว่านี่หล่ะครับ ที่ทำให้ผมคิดออกแบบระบบกรองผสม ที่จะให้เกิดภาวะ Denitrification ใต้พื้นตู้ โดยการสร้างสภาวะช่องน้ำกึ่งนิ่งให้แบคทีเรียชนิดกินไนเตรตมาทำหน้าที่อีกแรง

ลำเเสงเเห่งพระเจ้า! (shineing of god)ส่องเเบบ non stop เเม้ช่วงเวลาหนึ่ง จะสร้างปัญหาเเน่ค่ะกับตู้ bult in คงจะต้องขัดตู้รอบทุกทิศทุกทางโดยเฉพาะด้านหน้า front view ค่อนข้างยากนิด รอยขีดข่วนที่จะเกฺิดขั้นถ้าว้สดุที่ขัดไปกระทบกับหินประการังที่เล็กเเละคม(ฟุ้งน้ำในขณะขัด) จะสร้างลอยขีดข่วนขนเเมวนะค่ะ "come and see !" Shine of God or Hell ?

มาเเกงเต็นท์พักเเรมรอชมหน้าตู้ครับ

ขอบคุณทุกความคิดเห็นและข้อแนะนำด้วยความห่วงใยในจุดต่างๆ จากเพื่อนๆ ทุกท่านเลยครับ

ที่จริงก่อนหน้าที่จะเป็นตู้เลคแทงนี้ มันเคยเป็นตู้ 60 นิ้วใบเก่าอีกใบ ที่ผมทำไว้เลี้ยงทั้งปลาทะเล สมัย
ที่ผมยังเปิดร้านขายปลาสวยงามน้ำเค็มยุคแรกๆ

เคยนำมาเลี้ยงปลาน้ำจืด และเป็นตู้ไม้น้ำหมุนเวียนมาหลายยุคหลายสมัย อายุตู้เก่าใบนั้นก็ร่วมๆ เกือบ 20 ปี ได้

จนกาวมันเสื่อม และถูกทิ้งร้างอยู่นาน

ล่าสุดเมื่อราวๆ สองปีก่อน ผมก็เลยนึกสนุกจัดแต่งเป็น ตู้บก (Terrarium)ปลูกต้นไม้ จัดแต่งเป็น
มุมป่าดงดิบ มีน้ำตกเล็กๆ หาตุ๊กตากบปลอมมาใส่ไว้ดูเล่นเพลินๆ ร่วมปีกว่า

..

..

..

..

กบพิษ...เลี้ยงง่ายครับ

ที่จริงแล้ว ด้านหลังตู้มันเป็นส่วนพื้นที่ของห้องซักล้างหลังบ้านอะครับ เปียกได้ เลอะเทอะไม่เป็นไร
สามารถวางเก้าอี้ หรือบันไดขึ้นไปทำงานในตู้ได้ไม่ยากครับ และจริงๆ ข้างๆ ก้เป้นประตูเดินเข้ามา
ในห้องโถงทานข้าว และประชุมที่เป็นห้องใช้ชมวิวตู้ใบนี้ ดังนั้นจึงสะดวกเรื่องการขัดตู้ ล้าง ย้าย อะไรต่างๆ

เวลาขัดตู้ก็ใช้พวก "แม่เหล็กขัดตู้" ที่มีกำลังดูดสูง และทำงานในขณะที่เราไม่ไปกวนตะกอนพื้นให้ขุ่นขึ้นมาจนอาจทำให้เกิดลอยข่วนครับ

ตู้สวย คนโพสต์ขยันมากๆ กระทู้แบบนี้ดีจังครับ มีประโยชน์ ชอบครับ

สุดยอดจริง ๆ พี่คนนี้ ตัวจริงเสียงจริง จัดตู้ได้งาม ถูกใจผมมาก ๆ ครับ

แล้วจะค่อยชมปลาที่ลงนะครับ

ตู้ฝังผนัง จ๊าบเลยครับ

ปล. ตู้ครึ่งบกครึ่งน้ำ สวยมาก

ปล. Hi Utsuri

step by step สุดยอดเลยครับ

สุดยอกเลยครับพี่ ขอคาราวะ :D

ตู้บกนี่สวยมากๆ

สุดยอดเลยคับ ตุ้นี้บรรยากาศเลคแทงค์จิงๆ


ถ้าพี่เปงทรายดำคงได้อารมณ์ไปอีกแบบ อิอิ

สุดยอดมากครับ อยากไปดูของจริงมากๆ

ปรึกษาเพื่อนๆ ครับ คือผมตั้งใจว่าตู้นี้ ยังไงๆ ก็จะคงความเป็นเลคแทงอย่างเหนียวแน่น
จะไม่ปนปลาจากต่างทะเลสาบ หรือทวีปอื่น ก็เลยคิดว่านอกจากเจ้า Fron 'Samazi Blue' 10 ตัว
ขนาดราวๆ 2"-2.5" แล้ว ผมอยากใส่ปลาสีเหลือง อย่างลีลีอูปี ซัก 5 ตัว และก็พวกคาวาส หรือคอมเพรส ซัก 2 ตัว จะโอมั๊ยครับ หรือเพื่อนๆ มีข้อแนะนำอะไรเพิ่มเติมยินดีมากครับ

แนะนำปลาผิวน้ำ อย่างพวก Cyprichromis leptosoma ครับ

-ขอเเนะนำเป็นฟรอนคู่เปรียบ ' moba F0 ค่ะ 2-3ตัว เพื่อไม่ให้เสียconcept (มโนทัศ) ของตู้ Fron 'Samazi Blue' ที่อาจจะถูกขโมยซีนไปโดยปลามี่สีสีสันฉูดฉาดอย่าง ลีลีอูปี คาวาส หรือคอมเพรส อีกมุมมองหนึ่งอาจจะลงเป็นบูรันดี ที่มีลักษณะสีสันที่ด้อยกว่า เพื่อ upgrade Fron 'Samazi Blue' .ให้ดูโดดเด่นเพิ่มขึ้นกว่าเดิมได้ค่ะ

นานๆจะเจอคนพิถีพิถันในการตกแต่งตู้แบบ display tank ในเวป
สมัครเป็นสาวกด้วยคนครับ

เจ๋งๆๆ

สวยมากกก