Skip to content

ปรับปรุง เว็บไซต์ เยอะแยะเลย ลองกดเข้าไปเล่นดูสิ ตอนนี้ มีหมอตั้ม มาประจำที่ โรงพยาบาลแล้วนะครับ ใครมีปัญหาปลาป่วย ปรึกษาได้ครับ

วาไรตี้ คนรักปลา ทุกหัวข้อ การพูดคุย การสนทนา แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ ปลาสวยงาม กลุ่มต่างๆ คุณยังจำวันแรกที่คุณเลี้ยงปลาได้มัย้ปลาตัวแรกที่คุณเลี้ยง ประสบการณ์เลี้ยงปลาที่คุณอยากจะถ่ายทอดให้ เพื่อนๆ ได้รับฟัง

0031063

เติมเกลือใส่ตู้ปลา

โอเปิ้ล
โอเปิ้ล (58.8.144.76) [2007-02-28 00:10:30]
ใครทราบมั่งว่าเวลาเติมเกลือใส่ตู้ปลาคำนวณอย่างไร และต้องใส่ในปริมาณเท่าไหร่ ตู้ที่บ้าน30*24*16 ขอขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

ความคิดเห็นที่ 1

เด็กขัดตู้
เด็กขัดตู้ (20.17.35.30) [2007-02-28 09:41:14]
ถ้าตู้ตั้งแต่ 24 - 36 นิ้ว ใส 1 กำมือครับ (เวลาเปลี่ยนน้ำใหม่) 48 - 60 ใส่ไป 2 กำมือครับ เพื่อปรับสภาพน้ำและป้องกันโรคต่างๆได้ดีอีกด้วยครับ...และควรใส่เกลือทุก 2 อาทิตย์ด้วยครับปลาจะสดใสขึ้นครับ

ความคิดเห็นที่ 2

ชอบของดำ
ชอบของดำ (124.157.232.196) [2007-02-28 11:09:21]
ความคิดผิด ๆ นะครับเรื่องใส่เกลือทีเป็นกำ ๆ เนี่ยเพราะความเค็มยังอย่างในน้ำนะครับที่ระเหยไปไม่ใช่เกลือครับที่เห็นมันสดใสนี่ปลามันเค็มอะครับ ใส่เพื่อลดการขับเมือก 2 ช้อนโต๊ะก็พอแล้ว

คงเปลี่ยนความคิดใครไม่ได้หรอกนะครับแต่เป็นเรื่องจริงครับ

ความคิดเห็นที่ 3

งุงิ
งุงิ (125.25.196.23) [2007-02-28 12:14:47]
0.5 กรัมต่อน้ำ 1 ลิตรครับ น้ำในตูมีกี่ลิตรก็คำนวณเอาครับ
จากเวบนี้มีที่คำนวณ
http://www.clubaquaplant.org/calculator.htm

ความคิดเห็นที่ 4

บีบี้ นะฮะ
บีบี้ นะฮะ (124.120.139.71) [2007-02-28 12:25:21]
เเนะนําวิธีการใส่เกลือ นะครับ
ตู้ปลา 24 นิ้ว 2 ช้อนโตะ
ตู้ปลา 36 นิ้ว 3 ช้อนโตะ
ตู้ปลา 48 นิ้ว 4 ช้อนโตะ
ตู้ปลา 60 นิ้ว 5 ช้อนโตะ
ตู้ปลา 72 นิ้ว 6 ช้อนโตะ
สําหรับ อโรวาน่า กับ ปอมปาดัวร์ ให้ใส่ครึ่งหนึ่ง ของอัตราปาติ

อ้างอิงมาจากเอกสารวิธีการใช้ ของเกลือใส่ปลาสวยงาม ยี่ห้อหนึ่ง

ปล.ตู้ที่บ้านผม 36*16*24 เลี้ยง FHใส่เกลือเป็น ช้อนโตะ
เเต่ชมรม คนรักปลา ที่โรงเรียนผม ผมจะใส่เป็นกํามือ(กะเอาพอประมาณ)

ความคิดเห็นที่ 5

TaMan
TaMan [2007-02-28 20:21:24]
http://www.arofanatics.com/articles.php?content=calculator

ความคิดเห็นที่ 6

 
  (203.156.61.75) [2007-02-28 20:54:34]
ใส่มากเกินไปไม่ดี ใส่นิดหน่อยกำลังดี
ที่บอกว่าควรใส่เกลือทุก ๆ 2 อาทิตย์ นี่ก็ ผิด
ความเค็ม (ความเข้มข้นของเกลือ) ไม่ได้ละเหยไปไหน จะคงอยู่ในตู้ปลาไปตลอด จนกว่าจะเปลี่ยนน้ำแบบ 100 %

เช่น น้ำ 100% เติมเกลือ 1 กำมือ 1 อาทิตย์ต่อมา เปลี่ยนน้ำ 50% ใส่เกลือใหม่อีก 1 กำมือ ปริมาณเกลือในตู้จะมี 1 กำมือ กับอีกครึ่งกำมือ
อีก 1 อาทิตย์ เปลี่ยนน้ำ 50% ใส่เกลืออีก 1 กำมือ จะมีปริมาณเกลือในตู้ 1.75 กำมือ

แทนที่ปลาจะคลายเครียด ก็กลายเป็นเครียดแทน 555

ความคิดเห็นที่ 7

 
  (203.156.61.75) [2007-02-28 20:56:19]
เคล็ดลับเรื่องเกลือ

โดย หมอแก้ว (ผศ. น. สพ. สมโภชน์ วีระกุล)



เราหลายคนเข้าใจกันผิดเกี่ยวกับเกลือกันพอสมควร สุดท้ายก็ต้องเสียปลา เพราะใช้โดยขาดความรู้ เพราะเกลือมีทั้งคุณและโทษ



ก่อนจะเข้าเรื่องเกลือ ต้องมาทำความรู้จักปลากันก่อน น่าจะทำให้เข้าใจมากขึ้น ทั้งหมดเป็นเพราะว่าปลาเองต้องปรับตัวให้อยู่รอดในสภาวะถิ่นอาศัยรอบข้าง ปลาน้ำเค็ม หมายถึง ปลาที่อาศัยอยู่ในสภาวะที่เกลือภายนอกร่างกายสูงกว่าภายในร่างกาย ขณะที่ปลาน้ำจืดอาศัยอยู่ในสภาวะที่มีเกลือน้อยกว่าภายในร่างกาย (ปกติไม่ว่าปลาน้ำไหนก็จะมีเกลือในร่างกายไม่มากไปกว่ากัน) ...



ว่าด้วยการแพร่ของน้ำ และความเข้มข้นของเกลือ... น้ำจะไหลจากส่วนที่มีความเข้มข้นของเกลือน้อย ไปหาความเข้มข้นของเกลือมาก ก็คือการแลกเปลี่ยนอิออนระหว่างโซเดียมกับไฮโดรเจน และคลอไรด์กับไบคาร์บอเนต หากเป็นเช่นนี้แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ปลาทะเลที่มีเกลือในร่างกายน้อยกว่าน้ำเค็ม จะต้องสูญเสียน้ำจำนวนมากแพร่ผ่านออกไปสู่น้ำทะเลอย่างแน่นอน จะเกิดสภาวะสูญเสียน้ำ แห้งน้ำ แล้วปลาน้ำจืดล่ะ พวกเขามีความเข้มข้นของเกลือในเลือดสูงกว่าน้ำ ก็จะมีน้ำจำนวนมากไหลผ่านเข้าไปสะสมในร่างกาย เกิดการบวมน้ำในร่างกาย ดังนั้นร่างกายจึงต้องมีกลไกหลายๆ อย่างเพื่อป้องกันเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว คร่าวๆ คือ



1 ป้องกันการไหลผ่านของน้ำเข้า-ออกจากร่างกายโดยผ่านผิวหนัง ไม่ให้ไหลผ่าน แต่เมื่อเกิดบาดแผลขึ้นล่ะ จะทำยังไงดี....



2 เหงือกและไตของปลาทำหน้าที่ได้ดี น้ำจะไหลผ่านเหงือกตลอดเวลา เพื่อแลกเปลี่ยนออกซิเจน ระหว่างเลือดและน้ำภายนอก เป็นที่ที่ยอมให้น้ำไหลผ่านได้ดี ในปลาน้ำจืดจะรับน้ำ และเกลือ (โซเดียมคลอไรด์) เข้า และเกลือปริมาณน้อยๆ ในน้ำจะถูกเก็บรักษาโดยการดูดซึมรับที่ไต และกรองเอาน้ำปริมาณมากออกจากร่างกายทางปัสสาวะ ส่วนปลาทะเล จะพยายามเก็บน้ำที่เข้าสู่ร่างกาย ส่วนในการดูดรับโซเดียมคลอไรด์ในไตก็จะไม่ทำหน้าที่และเสื่อมไป แต่มีส่วนดูดกลับน้ำทำหน้าที่ได้ดีแทน ขับเกลือออกมาแทน หากเหงือกและไตไม่ดีจะเป็นอย่างไร...



3 ในปลาน้ำเค็มบางชนิดยังมีอวัยวะที่เรียกว่า “Rectal Gland” เป็นส่วนที่ต่อกับทวารรวม เพื่อทำหน้าที่กำจัดเกลือที่มากเกินไปออกจากร่างกายโดยเฉพาะ



ยังมีกลไกอื่นร่วมอีก แต่ประการข้างต้นเป็นประการหลัก



ในสภาวะของโรค แม้แต่ความเครียดจากการขนส่ง การเตรียมน้ำ การให้ยา สารเคมีต่างๆ อาจจะส่งผลทำให้ร่างกายปลาอ่อนแอ การทำหน้าที่ของร่างกายขาดสมดุล หรือทำหน้าที่ไม่ดี เรียกว่า สภาวะธำรงดุลผิดปกติ มักจะเกิดปัญหาเกี่ยวกับกลไกเรื่องของเกลือไปด้วย



มาถึงเรื่องเกลือ...


เกลือในความหมายในการรักษา ก็คือ โซเดียมคลอไรด์ มีทั้งในเกลือทะเล และเกลือสินเธาว์ ปริมาณมากน้อยขึ้นอยู่กับสารประกอบผสมอื่นๆ เจือปน นิยมใช้เกลือทะเล ปัจจุบันมีการใช้ Artificial salt หรือโซเดียมคลอไรด์โดยตรง (เหมือนเกลือที่อยู่ในกระปุกน้ำเกลือ) ทั้งในการรักษาและในห้องทดลอง เตรียมอาหารเลี้ยงเชื้อจุลชีพ เกลือมีประโยชน์ต่อปลาหลายประการ... โดยเฉพาะปลาน้ำจืด...



เกลือช่วยในกรณี Osmoregulatory stress หมายถึงความเครียดที่เกี่ยวกับความเข้มข้นของอิเลกโตรไลต์หรือเกลือ ซึ่งจะทำให้กลไกร่างกายผิดปกติได้ การใส่เกลือจะช่วยลดปัญหาความเครียดในเรื่องนี้ เช่น หลังจากการขนส่งปลา เปลี่ยนถ่ายน้ำ หรือการกระทำอะไรที่มีผลทำให้ปลาเครียด

เกลือช่วยกำจัดและยับยั้งโปรโตซัว เชื้อรา ปาราสิต และแบคทีเรีย (ได้ผลน้อยในแบคทีเรีย หากจะกำจัดแบคทีเรียต้องใช้ความเข้มข้นสูง แต่ปลาจะทนไม่ได้)...

แค่นี้ก็เห็นว่ามันครอบจักรวาลพอดู (แต่มันก็ไม่ใช่พระเอกแบบข้ามาคนเดียวนะ ขอเตือนกันไว้ก่อน)



การให้เกลือ...


มีหลายคนกล่าวถึงเปอร์เซนต์ คำนี้ในทางเภสัชหรือเคมี หมายถึงปริมาณสารคิดเป็น กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร เพราะฉะนั้น หากมีคนบอกว่า 1% หมายถึง 1 กรัมใน 100 มล หรือ 10 กรัมในลิตร ซึ่งสูงมาก ดังนั้นต้องกำหนดขอบเขตเวลาของการให้ไว้ชัดเจน เพราะไม่ให้เกลือสำหรับปลาน้ำจืดสูงเกินไป (เพราะปลาพวกนี้กลไกกำจัดเกลือไม่มีประสิทธิภาพเช่นปลาน้ำเค็มไงล่ะ) หากให้กันถึง 10% ตลอดทั้งวัน ปลาตายกันพอดี



ปริมาณการให้ที่ถูกต้องเป็นดังนี้

@ ส่วนใหญ่จะแช่กันทั้งวัน ที่เรียกว่า Indefinite ในขนาด 1-5 กรัมต่อลิตร กรณีแบบนี้เพื่อกำจัดเชื้อบางส่วน รวมทั้งปรับสภาวะธำรงดุลในปลา จะช่วยลดปัญหาความเครียดจากการขนส่ง และการลงปลาใหม่ได้เช่นกัน หากจะใช้สำหรับ supportive care หรือใส่ได้เรื่อยๆ ควรจะใช้ในระดับต่ำคือไม่เกิน 3 กรัมต่อลิตร



@ 10-30 กรัมต่อลิตร แช่นาน 30 นาที แล้วเอาปลาออก ความเข้มข้นสูงๆ แบบนี้ มักจะใช้ในการกำจัดโปรโตซัว และปาราสิตบางชนิดที่เกาะบนตัว ปลาที่อ่อนแอควรใช้ปริมาณต่ำๆ และทำซ้ำในอีก 24 ชั่วโมง



@ 30 กรัมต่อลิตร แช่นาน 10 นาที สำหรับปลาที่มีน้ำหนักมากกว่า 100 กรัม



@ ปลาทองและคาร์พค่อนข้างจะทนกับเกลือ สามารถใช้ขนาดสูงได้ถึง 30-35 กรัมต่อลิตร แต่ภายใน 4-5 นาทีเท่านั้นนะครับ



@ ข้อควรระวัง... ปลากลุ่มแคทฟิสบางชนิดไม่ทนต่อเกลือ... การให้เกลือในปริมาณสูงเกินไป ทำให้ปลาตายได้ และเป็นการเพิ่มความอ่อนแอ



เรื่องประโยชน์จากเกลือยังมีอีกมาก มีโอกาสจะมาขยายความกันต่อไป

ขออนุญาตินำบทความมาลงเพื่อความรู้นะครับ ขอบคุณมากครับ

http://www.epofclinic.com/default.asp

ความคิดเห็นที่ 8

Marine Mate
Marine Mate (58.147.92.229) [2007-02-28 22:10:06]
อยากทราบว่า ใส่ปลาไปแล้ว ยังไม่ได้ใส่เกลือ เอาไปใส่ทีหลังได้ไหมครับ

ความคิดเห็นที่ 9

 
  (203.156.61.75) [2007-03-01 00:53:23]
น่าจะได้

ความคิดเห็นที่ 10

000
000 (61.47.127.137) [2007-03-01 19:06:39]
ต้องรู้ก่อนว่าใส่เกลือ เพื่ออะไร ถ้าจะทำปลาเค็ม ใส่เลย มาก ๆ ครับ

ความคิดเห็นที่ 11

คนที่อยากถาม
คนที่อยากถาม (114.128.173.201) [2009-09-03 11:55:28]
สตุเกลือคืออย่างนี้เหรอ??????????

ความคิดเห็นที่ 12

godzillalovely
godzillalovely
5
[2021-03-08 09:13:29]

ตู้เลี้ยงหอยทะเลใช้ความเค็มไม่ควรต่ำกว่า15ppt

ใช้เกลือทำน้ำทะเลยี่ห้อmarinium

มีปั๊มโอโซนช่วยบำบัดน้ำ

และหอยมันกินแต่ตะไคร้น้ำ

 

ความคิดเห็นที่ 13

godzillalovely
godzillalovely
5
[2021-03-08 09:17:51]

ตู้เลี้ยงปลาน้ำจืดใช้เกลือทำน้ำทะเล

ใส่ลงไป5ppt

ใส่มากไปเด๋วเป็นปลาดองเค็มนะเออ

ใช้มิเตอร์วัดค่าความเค็มเป็นหน่วยppt

ส่วนสกิมเมอร์ต่อเข้ากับปั๊มโอโซนไว้ช่วยบำบัดของเสียที่เกิดจากการขับถ่ายที่ออกมาจากปลาที่เลี้ยงอยู่

ด้านบน

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนทำรายการ

เข้าระบบ