สวัสดีครับ

ผม Sweethome เพิ่งสมัครเข้าเป็นสมาชิกเมื่อวานครับ ตามที่คุณ Rater แนะนำก็เขียนบทความส่งไป 3 บทความครับลองตามอ่านกันได้ เข้าใจว่ายังไม่ผ่านการพิจารณานะครับ เพราะยังไม่ขึ้นในหมวดบทความเลย
ไม่เป็นไรครับก็ทยอยเขียนไปเรื่อยๆ อาจจะมาเขียนเล่าในกระดานข่าว
เป็นครั้งๆ ไปก็ได้

วันนี้เกิดแนวคิดว่ามีคนเริ่มเลี้ยงปลาหน้าใหม่ เพิ่มขึ้นทุกวัน ผมว่ามากกว่าครึ่งนะครับที่เลิกไป ด้วย 2 สาเหตุ เป็นประการสำคัณ

1.ไม่มีประสบการณ์ เลี้ยงแล้ว ตาย
2. ไม่มีเวลา หรือเบื่อ

กรณีแรก เลี้ยงแล้วตาย เลยเลิกบ้างก็เลิกเพราะกลัวบาป อยู่เฉยๆ สบายใจกว่าจะไปเอาปลา มาตายในตู้เราทำไม โละอุปกรณ์ ขายตู้
เลยดีกว่า บางคนเริ่มที่ปลาชั้นสูง สูงราคา ซื้อมาหลายพัน หรือเป็นหมื่น
แล้วก็ตาย เฉยๆ ไม่ได้นัดกันกับเจ้าของเลย ตายเฉยๆ คนเลี้ยงก็ใจแป้วสิครับ ค่าตู้ก็หลายหมื่น ปลาอีก รวมแล้ว 1 แสน เพื่อเลี้ยง
ประเดี๋ยวเดียวก็ตาย นี่นะ เลิกดีกว่า

กรณีที่สอง ไม่มีเวลา และ เบื่อซื้อมาก็เห่อมาก ทำโน่นทำนี่มากมาย ตู้ก็จัดอย่างดี มีไม้น้ำ มี CO2 โอยสารพัด สักพัก เบื่อ เลิกดีกว่า ยิ่งช่วงนี้
มีบอลล์ยูโรอีก ดูบอลล์ จนหมดแรง ไม่มีเวลาเสียแล้ว

บางคนอยากเห็นปลาสวยๆ ในห้องของตัว พอมีแล้ว แล้วไงต่อ ไปไม่ถูก
เลิก เพราะตอนนี้อยากเห็น อย่างอืน ต่อ สารพัด

แบบนี้ ปลาคงตายในไม่ช้า และเลิกเลี้ยงปลา


สำหรับคนหน้าใหม่ จะเลี้ยงปลาให้ยืดกันอย่างไร เลี้ยงให้ไม่ตายง่ายๆ และไม่เบื่อทำไงกันดี ขอตั้งเป็นประเด็นนะครับ ผมก็ว่าของผมไปก่อน ท่านใดเห้นอย่างไรก็ให้ความเห็นกันได้เลยครับ

การเลี้ยงปลาไม่ให้ตายง่ายๆ ในทัศนะของผม

1.ต้องทำใจแต่แรกว่า ปลาเป็นสิ่งมีชีวิต อาจจะตายได้ทุกเมื่อ ดังนั้นถ้าปลาตายอย่าเสียขวัญ อ่านต่อๆ ครับ

2.ซื้อตู้ที่ใหญ่ดีกว่าตู้ที่เล็ก เพราะที่กว้างดีกว่าแคบ และปลาโตขึ้นเรื่อยๆ แต่ตู้ไม่ได้โตตาม การซื้อตู้เหมือนการลงทุนครั้งใหญ่ คือ ลงทุนกันหน่อย
แล้วไม่ประหยัดอย่างอื่นดีกว่า

3.ได้ตู้ปลามาแล้ว ก็ต้องมี ปั๊มลม สายยาง จุดนี้ พลาดกันมาก เพราะส่วนมากจะซื้อเท่าที่ใช้ ซึ่ง น่าจะซื้อสายยางเผื่อไว้อีก สัก 3-5 เมตร
และวาล์ว กับ 3 ทาง ไว้อย่างและ 3-5 ชิ้น ทำไมทำแบบนี้ เพราะว่า
หากคุณซื้อปลามาแล้ว เกิดมีปลาป่วย คุณต้องแยกเขาออกมาดูแล
คุณคิดว่า หากคุณไม่มี 3 ทางไว้แยกสายยาง คุณจะออกไปซื้อตอนนั้น
หรือ ปล่อยให้ปลาป่วยต่อไป ในตู้ ส่วนมากจะบอกตัวเองว่า รอเสาร์อาทิตย์
ก่อนแล้วค่อยไป ตอนนั้น ปลากลับบ้านเรียบร้อยแล้วครับ

4.เริ่มเล่นปลาครั้งแรก ไม่ควรเล่นไม้น้ำ เพราะว่า มันรายละเอียดมาก ควรเล่นปลาในเชี้ยวพอประมาณก่อน

5.กรณีจะปูพื้น หิน กรวด ทราย จะใหญ่เล็กขนาดไหน ไม่ควรปูเด็ดขาด
จนกว่าจะผ่าน 1 เดือนไปแล้ว เพราะคุณคือมือใหม่ ที่สนใจแต่ความสวย
มากกว่าจะมองว่า ทำไมที่ร้านปลามันน้ำใสจัง ไม่เชื่อลองไปเดินตามร้านปลา
จิครับ ไปวันธรรมดา ไม่ใช่วันหยุด ลูกค้าน้อยๆ คุณจะเห็นว่า การล้างตู้ปลาที่ว่าใสจังน่ะ มันงานหนักไม่ใช่เล่น เริ่มจากเอาน้ำออก เปิดน้ำเข้า กวนกรวดทราย เอาเศษอาหารด้านล้าง เอาฝุ่นขึ้นมา โอยเห้น
ทางร้านเอามือเปล่ากวน แล้วใจหาย ไม่กลัวเชื่อโรคกันเลยหนอ
ดังนั้น กรวดทรายปูพื้นเอาไว้ ลองวัดใจก่อนว่า เราทนลำบากดูแลได้ระดับไหนแล้วค่อยว่ากันครับ

6.จัดเครื่องกรองในเหมาะสม กรองแล้วไม่ได้ผล ต้องกลับไปถามที่ร้าน หรือเปลี่ยนแบบใหม่ เอาจนได้น้ำที่คุณต้องการ กรองแย่ที่สุด คือ 7 วัน
ต้อเปลี่ยนน้ำที หากเปลี่ยนถี่กว่านี้ ทิ้งดีกว่า หาตัวใหม่ครับ

7.ควรเปิดอ๊อกซิเจนตลอด ไม่ปิดเด็ดขาด ยิ่งปลาทองบ้านเรานี่ไม่ได้เลยนะครับ แต่ขอว่าอย่าลองของนะครับ
กลไกการกินอาหารของปลาทอง คือ กินอาหารต้องการอ๊อกซิเจนมากๆ
จากนั้นแอมโมเนียออกมาก หากอ๊อกซิเจนน้อยอีก ตายแน่นอน
การปล่อยลมออกที่ปลายท่อ ให้ยกขึ้นมาด้านบน ให้ลึกลงไปกว่าผิวน้ำเพียง
1-2 นิ้วก็พอ อย่าให้ปลายสายจมน้ำไมทำแบบนี้

การที่ปล่อยปลายจมก้นตู้เมื่อปล่อยลมมันจะปุดๆ เป็นเส้นยาวสวยครับปลาก็ร่าเริง แต่ น้อยคนจะเห็นว่า
มันเป็นการ กวนน้ำ ครับ คือมันจะทำให้น้ำจากก้นตู้ คลุ้งกระจายตาม
ฟองอากาศขึ้นมาผิวน้ำแล้วไหลออกไปรอบๆ แล้ววนซ้ำอีกแบบนี้ไปเรื่อยๆ
เมื่อกวนน้ำแบบนี้ หากกรองไม่เจ๋งจริงๆ น้ำจึงขุ่น คิดง่ายๆ ระหว่างน้ำนิ่งกับ
น้ำที่เคลื่อนไหว ตะกอนในน้ำแบบไหนจะนอนก้นก่อนกันใช่ไหมครับ

จำไว้ ปล่อยปลายให้อยู่ได้ผิวน้ำ 2-3 นิ้วก็พอ อ๊อกซิเจนยังละลายน้ำได้ปกติครับ

เมื่อน้ำนิ่งกรองก็ทำหน้าที่ของมันได้เต็มที่ หมายถึงกรอง ทั่วๆ ไป แต่กรองระดับ แนวหน้า นิ่งไม่นิ่ง เขาจัดการได้ครับ สมราคาล่ะครับ

8.เมื่อเราไม่ได้ปูพื้นปล่อยโล่ง ขยะอะไร ขี้ปลาแบบไหน คุณจะเห็นหมด
ได้เห็นว่ามันสุดยอดขนาดไหน อาจจะทำให้คุณเลิกปูพื้นไปเลยก็เป็นได้
ให้ดูดขี้ปลา เศษอาหารออก ทุกสัปดาห์ เป็นอย่างน้อย เพื่อขจัดของเสีย
ออกไปจากตู้ และยังเป็นการเปลี่ยนน้ำไปในตัว

9.เช็ดรอบตู้เป็นระยะ เพราะคราบต่างๆ มันติดรอบตู้ ใช้ผ้าฝ้ายบางๆ ชุบน้ำ
แล้วรูดปื๊ดๆ ครับ

10.ตอนถ่ายน้ำใหม่เข้าตู้ เอามือสัมผัส หากว่าคุณยังเย็น ปลาก็ต้องเย็นกว่านะครับ ในอุณหภูมิห้อง หน้าฝนนี้ เมืองไทย
ประมาณ 28-29 องศาวัดในตู้นะครับไม่ใช่ห้องแอร์ ลองเอาปรอทวัดดู
ว่าน้ำที่จะถ่ายเข้า อุณหภูมิต่างกับในตู้ไหม สำหรับผม ต่างกัน 2 องศา
ก็เสียวแล้วครับ

11.ไม่ควรซื้อปลามาตัวเดียว น่าจะมีเพื่อนให้เขา พันธุ์เดียวกัน ผมทดลองดู
หากซื้อแบบนี้ คือ ใหญ่ กลาง เล็ก ปลาจะกินอาหาร และ คุ้นตู้เร็วเพราะว่า
ตัวใหญ่มักจะตอดนำก่อน กลางตามมา แล้วเล็กก็สุดท้าย แต่หากเล็กหมด
ก็รอนานหน่อย เพราะจะตื่นตู้

12. การเซ็ตตู้ให้พร้อมเป็นเดือนๆ ก่อนลงปลา ผมมี 2 ความเห็น อันแรกเห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะสบายใจ วัดค่า ph อะไรให้เสร็จ
รอให้มีแบคทีเรียที่เป็นคุณ อะไรประมาณนี้ ทำได้ก็ดีครับควรจะทำ

แต่ผม ไม่เคยทำแบบนี้ พอดีที่หอผมเป็นสูบน้ำขึ้นไปไว้ที่แท็งค์กลาง
คลอรีนมันระเหยไปแล้ว และน้ำก็ถือว่าใช้ได้เลย ไม่ได้เปิดแล้วรับน้ำ
ประปาทันที ในแท็งค์เป็นตึกเก่า น่าจะมีตะไคร่ แบคทีเรียบ้าง ทำให้
น้ำพร้อมใช้ตลอดเวลา ผมรับน้ำก็ลงตู้เลย น้ำยาขจัดคลอรีนหยอดหน่อย
ให้สบายใจ ครั้งแรกเท่านั้น จากนั้นก็เอาถุงปลาใส่ลงไปให้ปรับอุณหภูมิ
แล้วก็เอาปลาลง จากนั้น ผมใส่ยาเหลือง ตามปริมาณที่ว่าไว้ข้างขวด