Exotic Fishes สำหรับคนที่หลงใหล และ ชื่นชอบ ในความแปลก ฉีกความจำเจ พื้นๆ กับ สายพันธุ์ปลาแปลกๆ จากอะเมซอน, ปลาแม่น้ำของไทย, สัตว์น้ำแปลกๆ, สัตว์เลื้อยคลาน (Reptile) โพสต์ข้อความแลกเปลี่ยนความรู้ กันได้ที่ ห้องนี้
อุปกรณ์เลี้ยงปลาสวยงาม จากเว็บช้อปปิ้งชั้นนำ
195 บาท205.00 บาท
229 บาท500.00 บาท
280 บาท350.00 บาท
89 บาท190.00 บาท
ความคิดเห็นที่ 1
genus
(203.151.40.75)
[2005-04-20 10:54:48]
ความคิดเห็นที่ 2
addict
(61.91.102.194)
[2005-04-20 11:10:24]
ความคิดเห็นที่ 5
ซี
(58.11.39.120)
[2005-04-20 13:31:30]
ความคิดเห็นที่ 7
เดะใหม่
(61.90.45.169)
[2005-04-20 16:07:32]
ความคิดเห็นที่ 9
Exotic06(ไม่ได้ล๊อกอิน)
(202.5.88.151)
[2005-04-20 22:17:42]
ความคิดเห็นที่ 10
dante
(202.176.120.174)
[2005-04-21 15:32:27]
ความคิดเห็นที่ 11
liverpool^_^
(158.108.210.236)
[2005-04-21 18:32:53]
ความคิดเห็นที่ 12
เต่าตกมัน
(210.213.40.204)
[2005-04-21 20:25:28]
ความคิดเห็นที่ 15
น้องเล้ง
(61.90.102.94)
[2005-04-22 17:57:49]
ความคิดเห็นที่ 17
น้องเล้ง
(61.90.32.22)
[2005-04-22 23:14:37]
ความคิดเห็นที่ 19
น้องเล้ง
(61.90.102.245)
[2005-04-24 20:31:01]
Red Foot Tortoise หนูน้อยหมวกแดงแห่งป่าอเมซอน
เต่าตัวนี้ผมไม่เคยเลี้ยงครับ เนื้อหาจึงอาจจะขาดรายละเอียดเชิงปฎิบัติไปบ้าง ขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วย แต่หากใครต้องการให้ผมเขียนรายละเอียดได้มากกว่านี้ละก็... หามาให้ผมลองเลี้ยงสักตัวสิ รับรอง ไอเดียกระฉูด
Red Foot Tortoise หนูน้อยหมวกแดงแห่งป่าอเมซอน
หลังจากที่นายChelonian ร่ายยาวเกี่ยวกับเรื่องราวของเต่าบกจากทั้งทวีปเอเชียของเราและ เต่าบกจากดินแดนในฝันของนักผจญภัยอย่างแอฟริกาไปแล้ว จะเห็นได้ว่าเต่าบกจากทั้งสองทวีปมีพื้นฐานความเป็นอยู่ใกล้เคียงกันคือ ชอบอยู่ในที่ร้อนและแห้งแล้ง แต่สำหรับเต่าบกที่ผมจะเขียนเรื่องรับใช้ต่อไปนี้ หากพิจารณาตามสภาพภูมิศาสตร์ของถิ่นกำเนิดแล้ว ผมว่าน่าจะเหมาะกับการเลี้ยงในประเทศไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบภาคกลางลงไปจนถึงภาคใต้เป็นที่สุด เพราะถิ่นกำเนิดนั้นมาจากป่าในอเมริกาใต้ แถบประเทศ บราซิล ,เอกวาดอร์,เวเนซูเอล่า,ปารากวัย และอีกหลายประเทศแถบอเมริกาใต้ แน่นอนว่า เต่าบกที่ผมจะกล่าวถึงในหัวข้อนี้คือ Red Foot (Geochelone carbonaria)เจ้าหนูน้อยหมวกแดงแห่งป่าอเมซอน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถในไปใช้ได้กับญาติสนิทของมันคือ Yellow Foot Tortoise ได้เช่นเดียวกัน
ลักษณะโดยทั่วไป
เต่าRed Foot เมื่อโตเต็มที่จะมีลักษณะที่ออกไปทางยาว โดยขนาดโตเต็มที่ประมาณ1ฟุต กระดองมีสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงน้ำตาลเข้ม ที่กลางScuteของแต่ละกระดองจะเป็นสีเหลือง เต่าRed Footมีญาติสนิทอีกตัวคือเต่าYellow Foot Tortoise(Geochelone denticulata) ที่มีลักษณะรูปร่างกระดองคล้ายๆกัน จะแตกต่างกันก็เพียงสีสันที่เท้าแทนที่จะเป็นสีส้มสดจนถึงแดงเหมือนเจ้าRed Foot แต่กลับเป็นสีเหลือง นอกจากนี้ในกลุ่มชนิดพันธุ์ของRed Foot เอง ยังแบ่งออกเป็นสองแบบคือ เต่าRed Footแบบธรรมดาที่ส่วนหัวเป็นสีเหลืองคล้ายกับYellow Footมีเพียงส่วนเท้าเท่านั้นที่มีแต้มสีแดง กับ Cherry Head Red Foot ที่ส่วนหัวจะเป็นสีส้มสดจนถึงแดง เช่นเดียวกับแต้มสีแดงที่บริเวณขา ซึ่งเจ้าเต่าตัวหลังนี้เองที่มักจะถูกนำเข้ามาเพื่อเรียกเงินออกจากกระเป๋าคนรักเต่าในบ้านเราอยู่เนืองๆ เนื่องจากอาจจะสอดคล้องกันดีได้ดีกับคำกล่าวของเราที่ว่า จะถูกจะแพงเอาแดงไว้ก่อน ก็เป็นได้
การดูแลโดยทั่วไป
จากถิ่นกำเนิดของเต่าRed Footในแถบอเมริกาใต้ จะเห็นได้ว่าใกล้เคียงกับสภาพอากาศในบ้านเรา ดังนั้นหากเราได้เต่าที่แข็งแรง ไม่บอบช้ำจากการขนส่งมากนักแล้ว การเลี้ยงเต่าRed Footให้มีสุขภาพแข็งแรงก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก แต่อย่างไรก็ตามสิ่งจำเป็นอย่างเช่น ถาดน้ำเตี้ยๆ ,หลอดไฟสำหรับให้ความร้อน ,ถาดอาหาร ,บ้านเต่าสำหรับหลบนอน ก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น สิ่งที่แตกต่างจากการจัดสภาพแวดล้อมสำหรับเต่าดาวทั้งหลายก็คือ เต่าRed Foot จะต้องการความชื้นมากกว่าเต่าตระกูลดาวทั้งหลาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเพิ่มความชื้นให้มากมายแต่อย่างใด เพราะลำพังค่าความชื้นสัมพัทธ์ที่ค่อนข้างสูงในประเทศไทย ก็เพียงพอแล้วสำหรับการเลี้ยงเจ้าหนูน้อยหมวกแดงตัวนี้ แม้ว่าเต่าเป็นเต่าที่อยู่ในป่าเขตร้อนชื้นและไม่ชอบแสงแดดจัดๆ แต่แสงแดดอ่อนๆในยามเช้าก็ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นต่อกระบวนการCalcium Metabolism ของเต่าเฉกเช่นเดียวกับเต่าบกชนิดอื่น
นอกจากนี้การอาบน้ำให้เต่าโดยการนำเต่าไปแช่ในถาด(หรือกะละมัง)ที่บรรจุน้ำอุ่นในระดับน้ำที่ไม่สูงนัก ประมาณวันละ5-10นาที เพื่อป้องกันเต่าตกอยู่ในภาวะขาดน้ำก็เป็นสิ่งจำเป็น สำหรับเต่าใหญ่ควรกระทำสัปดาห์ละครั้ง และสามารถกระทำได้วันเว้นวัน สำหรับลูกเต่าที่มีอายุต่ำกว่า1ปี
การจัดสภาพกรงเลี้ยงทั้งในIndoorและOutdoor ควรตกแต่งให้มีสภาพใกล้เคียงสภาพป่าในธรรมชาติ โดยประดับประดาด้วย ต้นเฟิร์น, ฟิโลเดนดรอน หรือไม้เขตร้อนชนิดอื่นๆ ด้วยก็จะเป็นการป้องกันเต่าน้อยจากแดนไกลในการคิดถึงบ้าน กระทั่งจะหาทางกลับบ้านเก่าก่อนเวลาอันควร และเช่นเดียวกับเต่าที่มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนจึงไม่จำเป็นต้องมีการจำศีลในฤดูหนาว เต่าRed Foot รวมไปถึงYellow Footจะมีความสุขกับอุณหภูมิในช่วง24-32ซํ และจะเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับระบบหายใจถูกเลี้ยงอยู่ในที่อุณหภูมิต่ำกว่า21ซํเป็นเวลานานๆ ในขณะเดียวกันอุณหภูมิที่สูงกว่า40ซํ ก็เป็นอันตรายต่อสองสหายจากป่าอเมซอนนี้เช่นกัน
อาหารการกิน
สำหรับเต่าจากป่าอเมซอนไม่ว่าจะเป็นRed Foot และ Yellow Foot สองสหายจากอเมริกาใต้นี้ล้วนเป็นOmnivore ดังนั้นนอกจากผักหลายหลากชนิดที่ต้องจัดเตรียมไว้ให้ในแต่ละมื้อแล้ว การให้อาหารสุนัขเพื่อเป็นอาหารเสริมในแต่ละมื้อบ้าง(แต่ควรเลือกแบบที่มีไขมันต่ำๆ) จึงไม่ส่งผลต่อสุขภาพไตและตับของสองสหายจากป่าเขตร้อนชื้น แต่การเลือกอาหารสุนัขหรือกระทั่งอาหารแมวสำหรับเต่าก็ควรเลือกสูตรที่มีไขมันต่ำจะเป็นการดีที่สุด ซึ่งในสภาพธรรมชาติของเต่าทั้งสองชนิดนี้จะได้รับโปรตีนจากเนื้อสัตว์โดยตรงจากการกินตัวทาก (สงสัยเป็นสัตว์ชนิดเดียวในป่าที่เดินช้ากว่าเต่าเสียละมัง) สลับกับการกินซากสัตว์ที่ตายแล้วเพื่อเป็นการเสริมโปรตีนที่ต้องการ
การขยายพันธุ์
ในสภาพธรรมชาตินั้น เต่าRed Foot จะเริ่มวางไข่เป็นหลุมๆละ5-15ฟอง ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม ไข่จะเริ่มเป็นตัวในระยะเวลาประมาณ120วัน โดยรูปแบบการขุดหลุมและฝังกลบไข่ของตัวเมียนั้นจะเป็นรูปแบบเดียวกันกับเต่าบกทั่วๆไป
สำหรับเรื่องราวของเจ้าหนูน้อยหมวกแดงแห่งป่าอเมซอน ก็คงเกริ่นนำพื้นฐานไว้ให้คนรักเต่าทั้งหลายนำไปต่อยอดหาประสบการณ์การเลี้ยงแต่เพียงเท่านี้ ขอให้มีความสุขกับการดูแลเต่าจากป่าเขตร้อนชื้นตัวนี้ครับ
Enjoy Tortoise Keeping
Chelonian