อีกรูปครับ

อีก

อีก

รูปนี้ไม่สวยแต่ชอบครับ ถือโอกาสลาด้วยภาพนี้ครับ สำหรับสมาชิกใหม่อย่างผม

ปลาสวยทีเดียวเลยครับ ผมก็ถ่ายไม่คร่อยจาเก่งเหมือนกันอ่ะครับ รอพี่ๆท่านอื่นมาช่วยเรื่องถ่ายภาพละกัน

มาชมครับ ปลาสมบูรณ์ดีครับ

โดยส่วนตัวผมก็เป็นเหมือนคุณ Aznsillygoose นะครับเรื่องการถ่ายรูปไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่แต่ก็พอจะมีมาให้อ่านกัน ทั้งสองท่านที่เขียนเรื่องการถ่ายรูปไว้ให้อ่านผมก็ศึกษาวิธีถ่ายรูปจากในนี้แหละครับแต่ก็ยังไม่ได้เรื่องสักเท่าไหร่ หรือว่าเจ้า ไอซัส4นี่ มันยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ โบ้ยไปให้กล้องมันนั่นแหละครับอยากออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพมากกว่ามันสมองที่มีรอยหยักน้อยๆผมเอง ไม่ต้องแปลกใจนะครับถ้าอ่านแล้วไปลองทำตามปรากฎว่ายังถ่ายไม่ดีเท่าไหร่แต่ก็เชื่อว่าต้องดีขึ้นกว่าเดิมแน่ๆคือรู้มากขึ้นแต่ยังถ่ายห่วยเหมือนเดิม ผมเอามาตราฐานของผมเองนะครับไม่ได้เจตนาเจาะจงไปที่ใคร เอามาให้อ่าน
กันถ้าอยากเห็นรูปและวิธีก็ต้องไปเยี่ยมชมเวปกันเอาเองนะครับ บอกตามตรงผมไปแอบอ่านอยู่บ่อยๆถ้ามี
เวลา เพราะติดใจในสำนวนการเขียนที่สนุกของคุณ 2how และก็ประทับใจในการบรรยายเรื่องออกมาเป็นตัวหนังสือที่ให้ความรู้สึก ในความเป็นธรรมชาติอย่างมาก ของคุณ นณณ์ ผาณิตวงศ์ ถึงแม้ว่าจะอ่านจากหนังสือมาบ้างแล้วก็ตาม ขอขอบคุณเจ้าของเรื่องแทนผู้ที่เข้ามาเก็บเกี่ยวความรู้ที่เป็นวิทยาทานด้วยครับ
อันนี้จากคุณ2how http://www.2how.com
วิธีการถ่ายปลาตู้ ตอนที่ 1
สวัสดีครับ จากที่เคยสัญญากันไว้ว่าจะรวบรวมเทคนิคการถ่ายปลาสวยงามในตู้มาเล่าให้ฟัง วิธีพวกนี้เป็นวิธีที่ผมคิดขึ้นเอง ไม่ได้อ้างอิงจากเรื่องวิชากงวิชาการอะไรทั้งสิ้นนะ เอาแบบว่าจากประสบการณ์จริงๆ แต่ใช้งานแล้วได้ผล แล้วก็มาเรียบเรียงให้เพื่อนๆได้อ่านกัน ดีไม่ดีอย่างไรขออภัยมาณ ที่นี้ด้วยนะครับโดยการถ่ายปลาตู้ ผมของแยกออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนแรกเป็นการถ่ายรูปตัวปลา อีกส่วนนึงจะเป็นการตกแต่งรูปปลาที่ถ่ายมาด้วยโปรแกรม PhotoShopถ้าให้รูปออกมาดี จะต้องประกอบด้วย 2 ส่วนนี้นะครับ เพราะสภาพแวดล้อมโดยทั่วๆไปของตู้ปลา มันไม่ค่อยจะอำนวยต่อการถ่ายภาพซักเท่าไหร่ มีอะไรเกะกะวุ่นวายอยู่พอสมควรจึงต้องใช้วิชามารในการตกแต่งภาพเข้าช่วย แต่ตอนแรกนี้จะเล่าเรื่องการถ่ายภาพก่อน ไม่งั้นจะไม่มีรูปให้เอาไปตกแต่งใช้กล้องอะไรดีกล้องอะไรก็ได้ ที่ถ่ายไกล้ๆได้ ถ้าให้แจ่มๆก็ต้องถ่ายได้ใกล้กว่า 30 ซม หรือ ประมาณ 1 ฟุต เดี๋ยวผมจะบอกเหตุผลว่าทำไมนะครับ ส่วนจะเป็นกล้องฟิล์มหรือกล้องดิจิตอลก็แล้วแต่จะสรรหามาได้ก็แล้วกันครับ ถ้าเป็นกล้องดิจิตอลก็จะสะดวกกว่า เพราะถ่ายแล้วเห็นภาพเลย ไม่ดีก็ลบภาพทิ้งซะ
ถ้าเป็นฟิล์มก็ต้องมาลุ้นเอาตอนล้างอัดอีกทีจัดตู้ปลายังไงให้ถ่ายออกมาดีจริงๆแล้วที่บ้านผมไม่มีตู้ปลาเลย มีแต่อ่างล้างหน้าในห้องน้ำ แต่เท่าที่ถ่ายตู้ของคนอื่นๆมา ก็พอจะสรุปได้ว่า เราจะต้องใช้แสงไฟยิงลงมาจากบนตู้ ก็ใช้ไฟจากตู้ปลาที่มีๆกันอยู่นั่นแหละครับ อย่ามืดมากนะเพราะจะได้สีปลาไม่สด ขอให้สว่างเข้าไว้เป็นดี แต่ถ้าได้แบบหลอด Day light สว่างๆที่ฉายมาแล้วสภาพในตู้เหมือนตอนกลางวันจะดีมากเลยครับอย่าใช้หลอดไฟทังสแตน
ที่ให้แสงสีเหลืองๆส้มๆนะครับ เพราะว่าสีของปลาจะเพี้ยน แล้วต้องมาแก้สีกันวุ่นวาย (ถ้าเป็นกล้องดิจิตอล และใช้กับหลอดไฟทังสแตน ให้ตั้งค่า White Balance
ไว้ทังสแตนนะครับ)แสงในห้องที่ถ่าย ถ้าเป็นไปได้ให้ปิดให้หมดเลยนะครับ เพื่อลดแสงสะท้อนจากไฟบนกระจกตู้ปลา ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ค่อยมาลบเอาในโปรแกรมทีหลัง อีกอย่างที่อยากจะแนะนำก็คือพยายามใส่เสื้อสีเข้มๆนะครับ สีดำจะดีมากเลยเพราะจะช่วยลดเงาสะท้อนของเสื้อเราบนกระจกได้ครับ ไม่ต้องถึงกับแก้ผ้าถ่ายนะครับ เดี๋ยวคนดูรูปเราจะเห็นปลิงทะเลบนเงาตู้ส่วนรอบๆตู้ ให้ใช้กระดาษสีฟ้า หรือสีดำ มาปิดด้านข้าง และด้านหลังให้รอบเลยนะครับเหลือไว้แต่ด้านหน้าอย่างเดียว ถ้าบนพื้นตู้ไม่มีพวกหิน ทราย หรือไม้น้ำ จะต้องเอากระดาษสีเดียว
กันปูพื้นไว้ด้วยอีกที แต่ถ้าไม่สามารถปูกระดาษบนพื้นได้เนื่องจากพื้นตู้ไม่ได้เป็นกระจกใส ก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวค่อยใช้มุมกล้องเข้าช่วย เหมือนเวลาพระเอกนางเอกจูบกันในละครหลังข่าวก็ได้ แต่ข้างๆนี่จำเป็นนะที่ผมแนะนำให้ใช้กระดาษสีดำหรือสีฟ้า ก็เพราะว่าเวลาถ่ายมาแล้ว ตอนตกแต่งจะง่าย โดยเฉพาะสีฟ้าจะได้บรรยากาศที่สดใสกว่ามาก ยิ่งพวกปลาที่มีหางหรือครีบบางๆ เช่นพวกปลาทอง เมื่อถ่ายมาแล้วบริเวณบางๆนั้น จะมีสีฟ้าจากฉากเจืออยู่ ดูดีเป็นปลามีตระกูลขึ้นมาทันที สรุปง่ายๆ คือ ยิงแสง Day light ให้สว่างเป็นธรรมชาติ จากด้านบน และต้องล้อมตู้ด้วยกระดาษสีฟ้า หรือสีดำให้หมดทุกด้าน เว้นด้านหน้าเอาไว้เพื่อให้ถ่ายรูปการวางตำแหน่งกล้องเวลาผมถ่ายผมจะเอาหน้าเลนส์วางให้ใกล้ตู้ปลามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าวางในมุมเฉียงๆตามรูปประกอบจะดีมากครับ เพราะจะไม่เกิดภาพสะท้อนของเรา และกล้องบนกระจก ให้คนดูเอาหน้าตาเราไปวิจารณ์เล่น แต่ว่าจะถ่ายตรงๆก็ได้นะครับ ไม่ใช่เรื่องต้องห้ามอะไรตอนนี้นึกออกรึยังครับ ว่าทำไมเราต้องใช้กล้องที่ถ่ายได้ใกล้ๆ ก็เพราะว่าเราต้องเอากล้องวางชิดๆตู้ปลานั่นแหละครับระยะห่างจากปลาถึงหน้าเลนส์เลยมีน้อย อย่างเก่งก็ไม่เกิน 1 ฟุต กล้องที่ใช้จะต้องมีความสามารถในการถ่ายวัตถุที่อยู่ใกล้ได้การปรับตั้งกล้อง
โดยส่วนตัวผมเองจะให้โหมดโปรแกรมเป็นหลักครับ เพราะไม่ต้องมานั่งวัดแสง วัดโน่นวัดนี่ให้เสียเวลา
กล้องสมัยนี้ก็จะมีโหมดนี้ให้อยู่แล้ว โดยส่วนใหญ่จะแสดงด้วยอักษร P ให้ปรับไว้ที่นี่เลยครับ และที่สำคัญที่สุดจะต้องปรับระยะการถ่ายไว้ที่ Macro โดยกล้องจะแสดงเป็นรูปดอกไม้สีดำๆ (ดอกอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน แฮะ) แฟลชไม่ต้องใช้นะครับ เพราะนอกจากจะทำให้ปลาตกใจแล้ว ยังทำให้เกิดแสงสะท้อนของแฟลชบนกระจก ดูแล้วไม่น่ามอง และน่าดีดมะกอก แล้วแถมด้วยศอกกลับ
ที่หน้าคนถ่ายถ้ามีขาตั้งกล้องด้วยก็ดีครับ จะช่วยให้กล้องนิ่งขึ้นภาพจะได้ไม่สั่นไหว ถ้าไม่มีต้องพยายาม
ถือกล้องให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ทีนี้ก็มาถึงการถ่ายกันหละงานนี้ต้องอดทน และอดกลั้นมากๆครับ ปลามันเป็นสัตว์ที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง บอกอะไรมันไม่
ฟังหรอก ผมเคยลองบอกให้มันนั่งตัวตรง มองกล้อง ไม่ต้องสวมหมวก และใส่แว่น เพื่อถ่ายรูปติด
บัตรมาหลายหนแล้ว ไม่มีตัวไหนเลยที่เชื่อฟังและทำตาม ก็เลยต้องใช้วิธีนั่งรอดูอาการมันจนกว่าจะ
ได้ท่าทางที่ผมต้องการแทน ก็ตั้งกล้องเลือกมุมไว้เฉยๆนั่นแหละครับ รอมันว่ายไปว่ายมาหน้ากล้อง
ตรงตำแหน่งที่ตั้งเอาไว้ ว่ายมาตรงที่ต้องการเมื่อไหร่ ก็จับโฟกัสล่วงหน้าเอาไว้ โดยการกดชัตเตอร์
ไปครึ่งนึงเพื่อจับโฟกัสล่วงหน้าอย่างที่บอก ถ้าจับโฟกัสทัน จะถ่ายเลยก็ได้ แต่ถ้าไม่ทันไม่เป็นไร
รอมันว่ายผ่านมาที่ตำแหน่งเดิมค่อยกดชัตเตอร์ที่เหลืออีกครึ่งนึงไปจนสุดเพื่อถ่าย แต่ต้องแน่ใจนะครับ
ว่าเป็นตำแหน่งเดียวกับที่เราจับโฟกัสเอาไว้ ไม่งั้นรูปจะออกมาไม่ชัดและควรจะรอจังหวะให้ปลามันอยู่นิ่งหรือว่ายช้าๆ เพราะว่าจะจับภาพได้นิ่งไม่สั่นไหวถ้าโชคดีก็อาจใช้เวลาไม่นาน แต่บางครั้งผมรอเกือบ 10 นาที ยังไม่ได้ภาพที่ต้องการเลยก็มีต้องใจเย็นๆครับเวลาเลือกมุมที่จะถ่าย ให้ถ่ายเฉียงจากข้างๆบ้าง ถ่ายเฉียงจากด้านบนบ้าง
หรือถ่ายเฉียงจากด้านล่างก็ได้ แต่อย่างหลังนี่ต้องระวังเรื่องแสงไฟที่จะย้อนเข้ามาในภาพด้วยนะครับ
พยายามถ่ายอย่าให้ติดหลอดไฟมานะ ถ่ายเก็บมาเยอะๆเลยนะครับ ถ่ายจนกว่าจะคิดว่าได้รูปที่ต้องการ
แล้วเราค่อยมาเลือกเอาอีกที เพราะของแบบนี้เสียมากกว่าดีครับได้รูปดีซัก 1 ใน 10 นี่ถือว่าเจ๋งแล้ว
หละ เอาหละครับ เทคนิคที่ผมใช้ก็มีแค่นี้แหละ เห็นมั๊ยครับว่าไม่มีอะไรยุ่งยากมากมายเลย
เพราะคติประจำใจผมคือ "ยากๆไม่ ง่ายๆทำ" ไว้ถ่ายรูปกันมาก่อน เดี๋ยวผมจะมาบอกวิธีการตกแต่ง
ภาพที่ถ่ายมาให้ดูดีกันซึ่งต้องใช้ความอดทน และเทคนิคมากกว่าการถ่ายหลายเท่าเลยหละครับ
แต่ไม่ยากเกินไปหรอกครับ ถ้าท่านอึดพอ....

ส่วนอันนี้จาก คุณ นณณ์ ผาณิตวงศ์ http://www.siamensis.org
การถ่ายภาพปลาด้วยกล้องดิจิตอล เรื่อง/ภาพ: นณณ์ ผาณิตวงศ์ Chela caeruleostigmata (Smith, 1931) หรือ ปลาหัวตะกั่วสุโขทัย ผมหัดถ่ายรูป เพราะการถ่ายรูปเป็นความหวังสุดท้ายในชีวิตของผมที่จะทำอะไรสักอย่าง
ที่เข้าข่ายคำว่า ?ศิลปะ? ให้ได้ดี ผมเคยหัดวาดภาพสีน้ำ แต่ผมใจร้อนเกินไปที่จะทำได้ดี ผมเคยระบายสีไม้ แต่ผมก็ระบายได้ไม่สวย แล้ววัน นึงผมก็คิดได้ ถ่ายรูปนี่แหละว่ะ อย่างมากก็ไม่กี่วินาทีก็ได้มารูปแล้ว โดยทั่วไปไม่กี่เสี้ยววินาทีด้วยซ้ำไป ผมชื่นชอบรูปสัตว์รูปปลาสวยๆในนิตรสารมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว พอหัดถ่ายรูปผมก็เลยฝันว่าอยากจะถ่ายให้ได้อย่างนั้นบ้าง วันนี้ผมก็มีรูปลงนิตรสารบ้างแล้ว ลงเน็ตยิ่งเยอะใหญ่ผมว่าผมพอจะถ่ายภาพเป็นแล้ว โดยเฉพาะภาพปลาที่ถือเป็นสัตว์ที่ผมชอบที่สุด มาดูกันครับว่า 4 ปีที่ผมค่อยๆพัฒนาฝีมือขึ้นมา
ผมเรียนรู้อะไรบ้างกล้อง น่านแหล่ะครับของสำคัญที่สุด ไม่มีกล้องก็ถ่ายรูปไม่ได้ ผมว่ากล้องที่เหมาะจะถ่ายรูปปลาคือกล้องดิจิตอลซึ่งตอนนี้ก็พัฒนามาไกลมากแล้ว ปลาไม่อยู่นิ่งๆให้คุณถ่าย ภาพหาง ภาพฉากหลัง และ
ภาพอื่นๆที่ไม่ต้องการถ้าเป็นกล้องฟิล์มถ่ายแล้วก็ต้องเสียตังค์ล้างแล้วถึงทิ้งได้ ถ้าเป็นดิจิตอลก็แค่ลบทิ้งไปเฉยๆ ถ้าจะแค่ถ่ายลงเว็บเฉยๆ สักสองล้านพิกเซลก็พอแล้วครับแต่ถ้าจะเอาไปล้างเป็นกระดาษหรือลงหนังสืออย่างน้อยๆก็คงต้องสักสามล้านพิกเซล ผมใช้ แคนนอน G3 ที่มีสี่ล้านพิกเซล และนี่จะเป็นกล้องที่ผมใช้เป็นฐานในการเขียนเทคนิคในการถ่ายภาพปลาต่อไปครับ นอกจากพิกเซลแล้วความสามารถในโหมด ?แมคโคร? ก็เป็นเรื่องสำคัญในการเลือกซื้อกล้องแมคโคร คืออะไร? แมคโครคือความสามารถในการโฟกัสวัตถุเล็กๆใกล้ๆ เอาเป็นว่ายิ่งเข้าใกล้ได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีครับ ถ้าจะถ่ายปลาเล็กๆ ให้เจ๋งๆ อย่างมากก็ไม่ควรเกิน 5 ซ.ม. ครับแต่ถ้าจะถ่ายตัวควายๆ ก็ไม่ต้องคิดถึงแมคโครมากนัก แสง แสงทำให้เกิดภาพ ดังนั้นอะไรก็ตามที่มาขวางระหว่างแสงที่กระทบตัวปลากลับมาที่กล้องจึงเป็นอุปสรรค ปัญหาใหญ่ในการถ่ายภาพปลาคือกระจก ปลาอยู่ในตู้กระจก ซึ่งกระจกจะสะท้อนแสง ทั้งแสงจากแฟลช และแสงสะท้อนจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นภาพตัวเอง ผนัง หรือ ลูกหมา
วิธีแก้ปัญหาแสงสะท้อนเอาสิ่งอื่นๆมาอยู่บนกระจกง่ายๆคือ กำจัดแสงภายนอกออกไปให้หมดถ้าเป็นตอนกลางคืนก็ปิดไฟซ่ะ ถ้าเป็นตอนกลางวันก็ปิดม่านซ่ะ แค่นี้คุณก็สามารถจะลดแสงสะท้อนภาพอะไรต่อมิอะไรบนกระจกไปได้แล้วครับไฟในตู้ปลาควรจะเปิดให้สว่างที่สุดเท่าที่จะสว่างได้อย่าลืมใช้ ไฟที่ให้แสงสีขาว เพื่อจะได้สีปลาที่ถูกต้อง ที่นี้ปัญหาก็คือไฟที่เปิดจนเต็มที่แล้วพอหรือยัง
ที่จะถ่ายรูปปลา? พอคือกล้องโฟกัสได้ดี และภาพปลาออกมาคมชัด นั่นคือกล้องสามารถทำความ
เร็วชัตเตอร์ได้พอที่จะ ?หยุด? ปลาได้ ปัญหายังเกิดขึ้นกับปลาต่างชนิดด้วย ถ้าเป็นปลาช้าๆอย่างพวกกระดี่ ปลาหมอตัวใหญ่ๆ หรือปลาทอง ที่ไม่ค่อยขยับไปไหน ก็ถ่ายง่ายหน่อย ถ้าเป็นพวกว่ายไปว่ายมาอย่างพวกปลาซิวหรือเต็ทตร้า ก็ต้องใช้ความอดทนกันมากพอสมควร นอกจากจะหาจังหวะที่ปลาหันมาให้ถูกทางแล้ว ยังต้องรอจังหวะที่ปลาว่ายช้าลงด้วยวิธี ?หยุด? ปลาให้ได้อีกอย่าง (โดยที่ตอนนี้ยังไม่พึ่งแสงจากแฟลช) คือการตั้งค่า ISO บนกล้องให้สูงๆหน่อย ISO คืออะไร?ตอบอย่างงูๆปลาๆ อ้างอิงกรณีของฟิล์มธรรมดา ก็คือค่าความสามารถในการรับแสง (โห มั่วสุดๆ)เอาเป็นว่า ISO ยิ่งมาก ก็ยิ่งรับแสงได้มากขึ้น หมายความว่าที่จำนวนแสงเท่ากัน ฟิล์มที่มี ISO
สูงกว่าอย่าง 200 หรือ 400 เราก็สามารถถ่ายภาพด้วยความเร็วชัตเตอร์ที่เร็วกว่าซึ่งก็จะหยุดปลาได้ดีกว่า ?ถ้าอย่างนั้นผมก็ใช้ ISO สูงๆดิ จะใช้ต่ำๆทำลิงอะไร?? คุณอาจจะถาม ผมก็เคยถามความเร็วไม่ได้ๆมาฟรีๆ ปัญหาของฟิล์มที่ ISO สูงๆก็คือ เกรน ครับ ?เกรนคืออะไร??
เกรนคือความไม่เรียบของภาพ ยิ่ง ISO สูงภาพก็ยิ่งไม่เรียบ กล้องดิจิตอลรุ่นใหม่ๆแก้ปัญหานี้ไปได้เยอะแล้วครับ สำหรับผมถ้าถ่ายปลาช้าๆ ผมก็ตั้งไว้ที่ 50 ถ้าถ่ายปลาว่ายเร็วหน่อยก็ตั้งไว้สัก 200 ครับ ถ้าสิ้นคิดจริงๆผมถึงจะไปสูงกว่านั้น (กล้องรุ่นใหม่ๆเดี๋ยวนี้บางทีไปถึง ISO 1600 เกรนยังไม่แตกเลยครับ)ถ้าคุณทำทั้งหมดที่ผมว่ามาแล้วยังหยุดปลาไม่อยู่ อีกวิธีซึ่งจริงๆแล้วควรจะเป็น
วิธีแรกคือใช้แฟลชครับ แต่การใช้แฟลชก็มีปัญหาของมันเอง เพราะระหว่างแสงแฟลชกับปลาและกล้อง
ของคุณ คือกระจกตู้ปลา ซึ่งจะคอยสะท้อนแสงแฟลชกลับเข้ามาในกล้อง ร้อยทั้งร้อย ใครที่เคยถ่าย
ภาพปลาต้องเจอมาแล้วทั้งนั้น วิธีแก้ได้ง่ายๆคือ ถ่ายภาพโดยให้กล้องทำมุม 45 องศากับกระจกจะซ้าย จะขวา จะล่าง จะบนเหมือนกันครับ แสงแฟลชส่วนที่ผ่านกระจกไปก็จะกระทบตัวปลาดีๆ ส่วนที่กระเด้งออกไปก็จะกระเด้งไปทางอื่นไม่ย้อนกลับมาที่กล้องให้ลำคาญใจ หรือถ้าคุณถ่ายภาพปลาตัวเล็กๆซึ่งต้องให้กล้องอยู่ใกล้ๆกับกระจกก็นั่นแหละครับ จ่อกล้องจ่อแฟลชให้ติดกระจกไปเลย
ไม่ต้องเหลือมุมไว้ให้สะท้อน ซึ่งการนี้ก็สามารถประยุคใช้ได้อีกนั่นคือ แฟลชยิ่งอยู่ติดกระจกมากเท่าไหร่โอกาสสะท้อนกลับมาหากล้องก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น ดังนั้นถ้ากล้องของคุณเป็นแบบ G3 คือมีแฟลชอยู่ทางด้านซ้ายของตัวกล้อง เวลาเอียง 45 องศาอย่างที่ผมว่าก็เอียงกล้องข้างซ้ายที่มีแฟลชเข้าไปให้ใกล้กระจกไว้ครับ วิธีนี้ช่วยได้เยอะเลย หรือถ้าคุณมีแฟลชแบบที่มีสายต่อแยกออกมาจากตัวกล้องได้ คุณก็สามารถจ่อกล้องตรงๆกับกระจก แต่จ่อแฟลชเฉียงๆได้ครับ เหมือนเดิมคือ จะซ้ายขวาล่างหรือ
บนก็ได้ทั้งนั้นหล่ะขอให้เป็น 45 องศาเป็นใช้ได้ครับปัญหาจากการใช้แฟลชที่ผมพบคือในกรณีที่ปลามีเกล็ดสีเงินๆอย่างพวกปลาตะเพียน เกล็ดปลาเจ้ากรรมนี่แหละครับที่จะสะท้อนแสงกลับมาหากล้องซึ่งยิ่งถ้าใช้แฟลช บางครั้งแสงสะท้อนกลับเข้ากล้องจะสว่างมากจนปลากลายเป็นสีขาวๆขาดละเอียดของเกล็ดไปเลย วิธีแก้ก็คือลดความแรงของแฟลชลงครับ กล้องผมลดได้ถึง -2 ส่วนใหญ่แล้วถ้าเป็นปลาสีเงินมากๆอย่างพวกตะเพียนขาว ซิวหางแดง ผมจะลดไปถึง 2 เลย ถ้าพวกกลางๆอย่างบาดิส ผมก็จะลดไปสัก 1 โดยทั่วไปแล้วผมเลือกเอาภาพปลามืดดีกว่าภาพปลาที่สว่างครับ ภาพที่มืดจะยังมีรายละเอียดของปลาและสีอยู่เกือบครบ ซึ่งสามารถปรับแต่งแสงภายหลังให้สว่างขึ้นได้ แต่ถ้าภาพสว่างไปจนขาดรายละเอียดแล้วละก็ กู่ไม่กลับครับRasbora rubrodorsalis DonosoBuchner&Schmidt, 1997 ปลาซิวครีบแดง
ปลาซิวเป็นปลากลุ่มที่สวย และจัดเป็นปลากลุ่มที่ถ่ายยากที่สุดเพราะ
1) ตัวเล็กโฟกัสลำบาก การถ่ายปลาในกลุ่มปลาซิวส่วนใหญ่จะใช้วิธีโฟกัสเผื่อไว้ก่อน
2) ปลาซิวส่วนใหญ่จะว่ายไปว่ายมาเป็นฝูงไม่ค่อยอยู่นิ่ง การจะหาจังหวะให้ปลาว่ายอยู่ในท่าสวยๆ
พร้อมกันทั้งฝูงลำบากมาก แถมปลาซิวยังว่ายบังกันไปมาทำให้หาจุดลงตัวลำบาก ในภาพจะเห็นว่ามีปลาเรียง
กันอยู่กลุ่มหนึ่งและมีตัวที่ว่ายไปมาแตกฝูงอยู่
3) ปลาซิวเป็นปลาตัวสีเงินๆ ถ้าวัดแสงไม่ดีจะไม่ได้รายละเอียดของเกล็ดปลา การวัดให้อาศัยค่ากลาง
(จะกล่าวต่อไปในส่วนของการวัดแสง) เป็นหลักแล้วชดเชยแสงลดลงไปอีกสัก 1-2 สต๊อป เพื่อให้ได้ภาพ
ที่มืดหน่อยแต่เก็บรายละเอียดไว้ได้ อีกวิธีถ้ากล้องไม่มีให้ชดเชยแสงคือการวัดค่าแสงกับอะไรก็ได้ที่สว่างมากๆ
ในกรณีนี้ผมวัดค่าแสงเอากับส่วนยอดต้นไม้น้ำด้านหลังซึ่งเป็นสีเขียวอ่อนและรับแสงอยู่เต็มๆ ภาพที่ได้จะ
ออกมามืดสักหน่อยแล้วค่อยไปตกแต่งในคอมฯทีหลังด้วย Level Tool (จะกล่าวต่อไปในท่อนหลังของบทความ)
4) พอกะถ่ายให้มืดความเร็วชัตเตอร์ก็จะต่ำ ความสามารถในการ "หยุด" ปลาก็จะลดลง ผลที่ตามคือปลาที่
เบลอๆเหมือนตัวล่างสุดซึ่งกำลังว่ายอยู่ด้วยความเร็วสูงกว่าตัวอื่นๆในภาพ วิธีการแก้ไขก็คือคอยจังหวะให้
ปลาหยุด ส่วนปลาจะหยุดเมื่อไหร่ ก็แล้วแต่บุญแต่กรรมที่เคยทำกันมา ภาพนี้เป็นภาพที่ดีที่สุดจาก 50 กว่า
ภาพที่ถ่ายในวันนั้น
ความนิ่ง ต่อให้ปลาอยู่นิ่งๆเลย แต่มือคุณไม่นิ่งมันก็จบเห่ครับ ถ้าแสงมากชัตเตอร์เร็ว มือสั่นนิดสั่นหน่อยก็
ไม่ค่อยเป็นไร แต่ถ้าแสงน้อยปลานิ่ง แต่มือไม่นิ่งทำให้ภาพไม่ชัดมันก็น่าโมโหยิ่งนัก เวลาถ่ายภาพปลาโดย
เฉพาะปลาเล็กๆอย่างที่ผมถ่าย ส่วนใหญ่แล้วต้องให้กล้องจ่ออยู่กับตู้เลยจนทำให้ผมคิดค้นอุปกรณ์ที่จะ
ทำให้กล้องอยู่นิ่งขึ้นมาผมเรียกมันว่า Handpod ครับ แฮนพอด ทำง่ายๆ ถ้าคุณถนัดขวามือซ้ายของคุณนั่น
แหละคือแฮดพอด กระจกที่สะอาดเอามือไปถูจะไม่ลื่น มันจะฝืดๆ กึ๊ดๆๆๆ เอามือซ้ายเกาะผนังตู้ไว้ให้ดีแล้ว
เอากล้องว่างถ่ายด้วยมือขวา กล้องจะนิ่งขึ้นมากครับ หรือถ้าคุณต้องการใกล้กว่านั้นก็เอาหน้ากล้องนั่นแหละ
ครับกดลงไปกับกระจกเลย ค่อยกดลงไปแล้วอัดไว้ให้นิ่ง (อย่าแรงนักนะ เดี๋ยวปลาตื่น กล้องพังอีกตะหาก)
ถ้าคุณถ่ายห่างออกมาจากตู้ก็ใช้วิธีเบสิคคือสองมือแนบข้างลำตัวกลั้นหายใจแล้วถ่าย ถ้ามือคุณยังไม่นิ่งอีกมีสิ่ง
ประดิษฐ์แสนวิเศษที่เรียกกันว่า Tripod หรือขาตั้งกล้องแบบมี 3 ขานั่นแหละครับ หาซื้อได้ตามร้านถ่ายรูปทั่วไป
นิ่งชัวร์ แต่ปัญหาของมันก็คือความนิ่ง เพราะปลาไม่อยู่นิ่ง ขยับขาตั้งตามปลานี่ก็เหนื่อยเหมือนกันครับ
นอกจาก Tripod แล้วก็ยังมี Monopod อีกครับ ขาตั้งแบบขาเดี่ยวพวกนี้ ไม่นิ่งเท่าแบบ 3 ขาแต่ก็ช่วย
ได้มากและสามารถเคลื่อนที่ตามปลาได้ดีกว่าครับ แล้วก็ยังมีความไม่นิ่งอีก ถ้าปลาที่คุณถ่ายเป็นปลาว่ายช้าๆ
อย่าง อโรวาน่า คุณต้องใช้เทคนิค ?แพน? กล้องครับ โฟกัสปลาให้ดีแล้วแพนกล้องตามปลาไปแล้วถ่าย
ตอนถ่ายอย่าหยุดนะครับขยับต่อเรื่อยๆให้จบวงสวิง อ้อ ถ้าใช้เทคนิคแพน เปลี่ยนโหมดการโฟกัสไปเป็น
แบบ ต่อเนื่อง (continues) ก็ดีครับ และในฐานะที่คุณใช้กล้องดิจิตอลมีการเก็บสถิติมาแล้วครับ
สมมุติว่าคุณรอปลาตัวนึงให้ออกมาจากที่ซ่อนมานาน 3 วันแล้วในที่สุดเค้าก็ออกมา อยู่นิ่งๆนั่นแหล่ะ
ถ่ายเข้าไปครับ ถ่ายๆๆๆๆๆๆๆๆ ภาพเดิมท่าเดิมนั่นแหล่ะถ่ายเข้าไป มันจะมีทั้งภาพที่ชัดและไม่ชัด
เสร็จแล้วก็เอามาเลือกภาพที่ชัดที่สุดมาใช้ ถ้าความคมชัดใกล้เคียงกันมาก ดูที่ขนาดไฟล์ครับ ส่วนใหญ่
แล้วภาพที่คมชัดกว่าจะมีขนาดไฟล์ใหญ่กว่าเพราะเก็บรายละเอียดมาเยอะกว่า มิได้โม้ (อย่าบอกผมนะ
ว่าดูขนาดไฟล์ไม่เป็น) Aphiprion percula (Lacepede) ปลาการ์ตูนเพอคูล่า และ
Homo sapiens (Linnaeus, 1758) และ Pagalangnoides resin (Panitvong, 2003)
Handpod เอามือด้านซ้ายวางทาบลงไปกับตู้ปลากดลงไป ยึดให้มั่น (ตู้สะอาดจะฟืดๆอยู่แล้ว)
วางกล้องลงระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้ เท่านี้ Handpod ก็เสร็จสมบูรณ์ กล้องจะนิ่งเชียวหล่ะ โปรดสังเกตใน
ภาพเอียงกล้องทำมุมกับตู้ 45 องศาและจัดให้ด้านที่มีแฟลชอยู่ติดกับตู้เพื่อลดแสงสะท้อนกลับเข้ามาที่กล้อง
โฟกัส กล้องแต่ละรุ่นแต่ละขนาดมีความสามารถในการโฟกัสไม่เหมือนกัน บางรุ่นเร็ว บางรุ่นช้า บางรุ่น
ไม่ค่อยยอมโฟกัส ถึงยอมโฟกัสปลาก็ไม่ค่อยอยู่นิ่งให้โฟกัส ถ้าเป็นปลาช้าๆหน่อยก็พอลุ้น แต่ถ้าเป็นปลาเล็ก
วิธีเดียวที่ทำได้คือโฟกัสรอไว้ก่อน กะเอาว่าปลาน่าจะว่ายมาอยู่ในระดับไหน หาอะไรก็ได้ที่มีสีเป็นกลางๆ
หน่อย ไม่มืดไม่สว่างไป เล็งให้ดีกะให้กล้องโฟกัสตรงนั้นแล้วก็รอ ร๊อ รอ ให้ปลาว่ายมาเข้าระดับแล้วก็ถ่ายไว้
ถ้าโชคดีถ่ายสัก 5-6 รูปอาจจะมีดีๆสักภาพ ถ้าโชคไม่ดีแถมไม่มีฝีมือก็ถ่ายไปนั่นแหละครับ เดี๋ยวปลาก็ต้อง
หลงมาให้ถ่ายสักภาพหล่ะ โดยเฉลี่ยแล้วถ้าเป็นพวกปลาซิวผมจะถ่ายสัก 20 ภาพถึงจะได้แบบที่พอใช้ได้สัก
ภาพนึงครับ แต่กล้องดิจิตอลอย่างมากก็ลบทิ้ง เสียเวลาแค่นั้นเองนิ เอ้อ ขอสำคัญนะครับ เวลาถ่ายภาพสิ่งมีชีวิต
ไม่ว่าจะเป็น ปลา นก หนู ลิง ค่าง หรือ คน ส่วนอื่นจะไม่ชัดไม่ว่าครับ แต่ "ตา" ต้องชัดครับ ตาต้องเป็น
จุดที่อยู่ในโฟกัส
วัดแสง วัดแสงสำคัญมากครับ ภาพที่ดีต้องไม่สว่างจนขาดรายละเอียดและต้องไม่มืดเกินไปจนไม่เห็น
รายละเอียด การวัดแสงท่ากล้องของคุณมีระบบวัดแสงเฉพาะจุด (Spot Meter) แบบดีๆก็วัดไปตรงตัวปลา
เลยครับ โดยเฉพาะถ้าปลาตัวใหญ่พอก็ยิ่งง่ายใหญ่เลย ถ้าปลาตัวเล็กเกินไปให้พึ่งสีกลางครับ สีกลางคือสีที่
ไม่สว่างหรือมืดจนเกินไป ช่างภาพมืออาชีพถ่ายสตูดิโอจะมีแผ่นสีที่ว่านี่อยู่เป็นกระดาษสีเทาๆ แต่สำหรับ
ผมมักจะอาศัยอะไรก็ได้ที่ใกล้เคียงกว่าเอา อย่างถ้าถ่ายรูปปลาในตู้ต้นไม้น้ำก็อาจจะไปวัดแสงเอากับใบ
ของต้นอนูเบียสซึ่งมีสีเขียวเข้มถ้าเป็นตู้พวกปลาหมอก็วัดเอากับก้อนหินสีน้ำตาลๆในตู้ การวัดแสง
ของกล้องดิจิตอลทั่วไป วัดแล้วจะโฟกัสไปด้วยเลย ดังนั้นถ้าจะวัดก็ควรจะหาวัตถุที่อยู่ในระดับที่กะว่าปลา
จะว่ายผ่านด้วยครับ ถ้าเป็นอย่างกล้อง G3 เนี๊ย กดชัตเตอร์ไว้ครึ่งนึง กล้องก็จะโฟกัสและวัดแสงให้เสร็จสับ
จากนั้นก็แค่หาปลาที่จะถ่ายให้เจอ ขยับมือและกล้องของคุณให้ปลาโฟกัสแล้วก็ถ่ายไปเลยครับ
ถึงตรงนี้แล้วลองย้อนกลับขึ้นไปดูภาพปลาด้านบนสุดนะครับ ปลาตัวนี้สีเงินมากๆถ้าวัดค่าแสงไม่ดี ตัวปลา
จะกลายเป็นสีขาวโพลนขาดรายละเอียดไปเลย ภาพนี้วัดแสงโดยการให้กล้องวัดค่าแสงที่ส่วนล่างของใบเทป
ที่เห็นด้านขวามือของภาพ กะว่าเป็นค่าสีกลางตรงจุดที่ไม่โดนแสงมากนัก ผมกะให้กล้องโฟกัสค้างไว้ที่
ระดับนั้นแล้วรอจังหวะปลาว่ายผ่านมาก็กดเข้าไป ถ้าสังเกตให้ดีในส่วนทึบสีเทาส่วนบนของภาพ
และทึบสีดำด้านล่างของภาพ ภาพจะไม่เป็นสีดำซ่ะทีเดียวแต่จะเห็นเป็นเม็ดสี เขียว แดง ฟ้า เหลือง
อะไรทำนองนั้น อันนี้แหล่ะครับคือ "เกรน" เนื่องจากเป็นปลาที่ว่ายน้ำอยู่ตลอดเวลาผมเลยต้องตั้งค่า ISO
ไว้สูงถึง 400 ผลที่ออกมาคือหยุดปลาได้และเห็นรายละเอียดคมชัด แต่ภาพก็สีไม่เรียบและติดเกรนเยอะ
พอสมควรทีเดียว
Digitally yours เท่านี้ก็ได้ภาพปลามาแล้วครับ ต่อจากนี้ก็เป็นวิธีการ ปรับแต่งให้ภาพดูดียิ่งขึ้น
และสามารถนำไป อวดเพื่อนๆได้หล่ะ ในส่วนนี้ผมขอใช้โปรแกรม Adobe Photoshop 7 เป็นหลักครับ
1. หลังจากโหลดภาพจากกล้องเข้ามาบนคอมพิวเตอร์แล้ว อย่างแรกที่ต้องทำก็คือจัดการจัดเก็บภาพให้เป็น
ระเบียบครับ ตั้งชื่อภาพให้จำง่ายเข้าไว้ การเซฟภาพที่ผมใช้อยู่ประจำมีอยู่ 2 Format ด้วยกันคือ .jpg และ .tiff
การเซฟภาพเป็นแบบ .jpg จะทำให้ไฟล์มีขนาดเล็กไม่เปลืองเนื้อที่และส่งต่อได้ง่าย ปัญหาคือภาพที่เซฟกับ
ไฟล์นามสกุลนี้จะมีคุณภาพไม่ดีเหมือนต้นฉบับ เพราะผ่านการบีบอัดแล้ว ยิ่งเปิดภาพยิ่งเสียครับ
ดังนั้นถ้ามีภาพไหนที่ผมชอบจริงๆและอยากจะเก็บไว้ ผมจะเซฟภาพนั้นๆไว้ในรูปของ .tiff ซึ่งการเซฟ
ด้วยนามสกุลนี้จะทำให้ไฟล์ภาพมีขนาดใหญ่ แต่ภาพจะคงคุณภาพเหมือนเดิมครับ
File>Save as> .jpg or .tiff
ในเรื่องการเซฟภาพยังมีส่วนที่เกี่ยวข้องอีกอย่างคือขนาดของไฟล์ ส่วนใหญ่แล้วตามเว็บต่างๆจะอนุญาต
ให้แปะภาพที่มีขนาดใหญ่ไม่เกิน 50 kb. การใช้ Save as จะไม่สามารถปรับขนาดที่เราอยากให้เป็นได้
ผมจึงขอแนะนำให้ใช้อีกอันนึงถัดลงไปด้านล่างคือ Save for Web เมื่อคุณกดอุปกรณ์ตัวนี้แล้ว
จะมีหน้าต่างบานเบ่อเริ่มเปิดออกมาพร้อมกับรูปของคุณ ขนาดไฟล์ของรูปจะอยู่ที่ด้านล่างของภาพ
ด้านขวามือจะเป็นจุดให้ปรับอะไรต่อมิอะไร ไปตรง Quality แล้วเลื่อนซ้ายเลื่อนขวาดู ขนาดไฟล์ด้าน
ใต้ภาพจะปรับตามไปด้วย ดูขนาดไฟล์ให้ได้ตามต้องการแล้วก็กด Save ครับ
File>Save for Web(อย่าเพิ่งเซฟนะครับ อ่านให้จบก่อน)
Save for web เป็นอันที่บอกเพื่อนแล้วงงที่สุดเลยเอาภาพมาให้ดูดีกว่า
2. เซฟรูปจากกล้องเสร็จแล้วก็ถึงวิธีการนำรูปไปใช้บ้างหล่ะ ภาพขนาดที่ใช้ส่งดูทางคอมพิวเตอร์และโพส
ตามเว็บบอร์ดส่วนใหญ่ควรจะให้มีขนาดดังนี้ครับ
· ถ้าเป็นภาพแนวนอนปรับให้ภาพมีความยาวแนวนอนที่ 500 pixel (ขนาดแนวตั้งจะปรับตามเอง)
· ถ้าเป็นภาพแนวตั้งปรับให้ภาพมีความสูงที่ 450 pixel (ขนาดแนวนอนจะปรับตามเอง)
ภาพขนาดที่ผมว่ามานี้จะเป็นภาพขนาดที่พอดีๆจอไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไปครับ
Image>Image size (อย่าลืมกาถูกตรงช่อง Constrain proportions ไว้ด้วยนะครับ)
3. อีกวิธีที่จะลดขนาดภาพได้คือการ Crop หรือการตัดบางส่วนของภาพออกไป ยกตัวอย่างสมมุติว่าถ่ายภาพ
ออกมาทั้งภาพเห็นปลาตัวกระปิ๊ดเดียวอยู่ตรงกลางภาพหรือบางครั้งเกิดแสงสะท้อนจากภายนอกอยู่รอบๆ
รูปแต่บริเวณปลายังชัดอยู่ เราก็อาจจะตัดเอาเฉพาะภาพตรงส่วนรอบๆปลาออกมาใช้ได้ด้วยอุปกรณ์ Crop
ครับผม อุปกรณ์ที่ว่านี้จะอยู่ในแถบเครื่องมือแถวแรกอันที่สามครับ บางครั้งการใช้ทั้งวิธีครอปและลด
ขนาดภาพลงก็ต้องใช้ด้วยกันครับ
4. อุปกรณ์ที่น่าสนใจและใช้ง่ายของโปรแกรมนี้อีกตัวก็คือ Levels ครับ อุปกรณ์ตัวนี้จะช่วยคุณปรับความ
สว่าง/มืด ของภาพได้ ทำให้ภาพดูดีขึ้นมากเลยทีเดียว
Image>Adjustments>Levels
5. ที่ใช้ง่ายอีกตัวคือ Auto Color และ Color Balance บางครั้งถ้าคุณถ่ายรูปมา ยกตัวอย่างสมมุติว่าไฟที่ใช้ใน
ตู้มันเป็นสีฟ้าๆ ภาพที่ออกมาก็จะเป็นสีฟ้าๆไปหมด ดูไม่เป็นธรรมชาติ คุณสามารถใช้อุปกรณ์สองตัวนี้
จัดการกับสีฟ้าที่ว่าช่วยได้เยอะเลยครับ บางครั้งบางคราว Auto Color อาจจะให้ภาพสีแปลกๆออกมาได้
ดังนั้นถ้า AC แล้วไม่ได้ผลก็ลองใช้ฝีมือตัวเองที่ Color Balance ดูครับผม
Image>Auto Color หรือ Color Balance
6. บางครั้งการลดขนาดภาพจะทำให้ความคมชัดของภาพหายไปเราสามารถใช้ฟิลเตอร์ sharpen ช่วย
ได้เยอะครับ
Filter>Sharpen>Sharpen
ลองดูนะครับ หวังว่าบทความนี้คงจะช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อย ใครถ่ายภาพได้แล้วก็เอามาอวดกันบ้างนะครับ
ขอสุดท้ายที่อยากจะให้จำกันไว้คือ ใจเย็นครับ ใจเย็น ถ่ายเข้าไป ถ่ายเรื่อยๆมันก็ต้องมีสวยสักภาพแหล่ะ
ตัวอย่างปลาตัวนี้ผมถ่ายในตู้ที่น้ำออกไปทางสีชาซึ่งเกิดจากขอนไม้ เนื่องจากปลาไม่ค่อยอยู่นิ่ง ผมจึงวัดแสง
และให้กล้องโฟกัสไว้ที่ระดับขอนไม้ (ขอนไม้เป็นสีกลาง) ถอยออกมานิดนึงรอจังหวะให้ปลาว่ายมาหยุดแล้ว
ก็จัดการยิงซ่ะBadis badis (Hamilton) บลูบาดิสภาพดิบที่ได้มาจากกล้อง จะเห็นว่าคมชัดพอสมควรและติดสีเหลืองของน้ำอยู่ใช้อุปกรณ์ Sharpen filter ภาพคมชัดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดปุ่มมหัศจรรย์ Auto Color น้ำเหลืองๆก็ใสขึ้นมาทันตา ได้เห็นสีจริงๆของตัวปลา
คติพจน์ประจำบทความ "ม้าดีไม่วิ่งถอยหลัง" โดย นิรนาม ถ้าอยากได้รูปประกอบต้องเข้าไปเยี่ยมชมกันนะครับรับรองว่าได้อะไรอีกเยอะมากๆ

ปลาสวยครับลีลาใช้ได้ดีทีเดียวครับ

อ่านจนตาลายเลยครับ

โห พรุ่งนี้มาอ่านดีกว่าครับ 5555

ดีจังครับอ่านหมดเลย

พิมนานไหมคับเนี่ยขยันจัง