Skip to content

ปรับปรุง เว็บไซต์ เยอะแยะเลย ลองกดเข้าไปเล่นดูสิ ตอนนี้ มีหมอตั้ม มาประจำที่ โรงพยาบาลแล้วนะครับ ใครมีปัญหาปลาป่วย ปรึกษาได้ครับ

ปลาทอง ปลาสวยงาม ชนิดแรกๆ ที่ เชื่อว่า หลายคน คงมีโอกาสได้สัมผัส ได้เลี้ยงดู ได้หลงเสน่ห์ ความน่ารัก ความอุ้ยอ้าย ของปลาชนิดนี้ กว่าร้อย สายพันธุ์ ที่เกิดจาก ความพากเพียร พยายาม ของมนุษย์ เรา

0001230

ปลาไม่กินอาหารเลยครับ

MAROYS
MAROYS (202.95.76.158) [2005-05-04 07:16:32]
มีเรื่องจะถามครับ คือซื้อปลาที่จตุจักรมา 5 ตัว เป็นปลาสิงจีน ตั้งแต่ซื้อมา 2 อาทิตย์ไม่กินอาหารเลย และ ก็เพิ่งตายไปเช้านี้เองครับ ใครพอจะทราบว่าเค้าเป็นอะไรตายครับ เพราะน้ำผมก็เปลี่ยนเกือบทุกวันเลยนะครับ ขอความรู้หน่อยครับเพื่อการเลี้ยงครั้งต่อไปนะครับ

ความคิดเห็นที่ 1

มีมี่
มีมี่ (202.183.177.79) [2005-05-04 13:07:44]
เสียใจด้วยนะคะ

ปลาอาจเครียดจากการเดินทาง หรือป่วยอยู่แล้ว แต่ไม่น่าจะตายทั้งห้าตัวค่ะ

ไม่ทราบว่าเลี้ยงใส่อุปกรณ์อะไรบ้าง มีออกฯ มีกรอง ฯลฯ หรือไม่

คราวหน้า ลองใช้วิธีนี้ค่ะ

ปลาห้าตัว ภาชนะที่เลี้ยงต้องไม่คับแคบ ค่ะ ปลาทองต้องการพื้นที่ว่ายน้ำ และหายใจ รวมทั้งน้ำสะอาด

ปลาทองผลิตของเสียออกมาอย่างรวดเร็วทำให้น้ำเสียเร็ว หากภาชนะเล็กเกินไปต้องหมั่นเปลี่ยนน้ำ คราวยี่สิบสามสิบเปอร์เซ็นต์

จากที่คุยกับเพื่อนในเว็บ และศึกษาจากเว็บฝรั่งทุกเว็บนะคะ

ปลาทองขนาดหนึ่งนิ้วหนึ่งตัวต้องการน้ำ อย่างน้อย ๆ สองลิตร ให้ดีควรเป็ฯ สี่ห้าลิตรค่ะ ก็คำนวณเอาว่าปลาของคุณขนาดกี่นิ้ว เลี้ยงแล้วแน่นตู้ไปหรือเปล่านะคะ

เตรียมตู้ปลา หรือภาชนะที่จะใช้เลี้ยงก่อน จริง ๆ แล้วควรจัดตู้ใส่น้ำ ใส่อะไร และปล่ยอให้เครื่องกรองรันไปก่อน สามวันก่อนจะไปซื้อปลามาใส่ค่ะ ระหว่างนี้หากน้ำขุ่น ดูไม่สะอาดให้เปลี่ยนน้ำใหม่ ใส่ยาปรับสภาพน้ำจนน้ำใส

ก่อนออกจากบ้านไปซื้อปลา ให้ใส่เกลือลงไปในน้ำ 1 กรัมต่อน้ำ 1 เพื่อช่วยลดความเครียดให้ปลา

ไปซื้อปลา-เมื่อมาถึงบ้านต้องแช่ทั้งถุงลงในตู้ที่จะให้เค้าอยู่เพื่อปรับอุณหภูมิ ราว ยี่สิบนาที อย่าเทใส่ทันที

หยอดอาหารลงไปจำนวนพอเหมาะ หากปลาไม่กิน ไม่ต้องตกใจ เค้าเครียดอยู่ มื้อหน้าก็อาจจะกิน(ปกติเราไม่เคยเจอปลาไม่กินค่ะ เจอแต่กินจนโอเว่อร์ จนท้องแตกค่ะ)

หากปลาไม่กินอาหารให้ตักทิ้งอย่าปล่อยไว้น้ำจะเสีย

วิธีให้อาหารที่เราใช้อยู่ซึ่งค่อนข้างมั่นใจว่าลดการเป็นโรคเสียการทรงตัว ที่เกิดจากการที่ปลากินอาหารมากเกินไป หรืองับเอาอากาศเข้าไปในท้องมากไปคือ การแช่อาหารในน้ำขลุกขลิก ๆ ก่อนให้ ราวนาทีนึง ควรฝึกปลาตั้งแต่แรก คือกินอาหารที่แช่นิ่มนิดนึงก่อนค่ะ

วิธีง่าย ๆ หากระบอก ถ้วยเล็กๆ ถ้วยไอติม โยเกิร์ต ฯลฯ กับช้อนเล็ก ๆ ง่าย ๆ เตรียมไว้ข้างถุงอาหารปลา พอถึงเวลาให้ก็ตักอาหารใส่ถ้วย หยดน้ำลงไปพอปริ่ม ๆ ทิ้งไว้หนึ่งนาที ระหว่างนั้นอาจนั่งคุยกับปลาไปก่อน แล้วจึงหยอดลงไปให้ค่ะ


น้ำเปลี่ยนเกือบทุกวัน เป็นนิสัยที่ดีค่ะ

เราเองก็เปลี่ยนเกือบทุกวัน แต่ครั้งละสิบ ยี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น เพื่อไม่ให้ปลาเกิดการแปลกน้ำ ปลาทองเซนซิทิพเรื่องอุณหฯ มาก ๆ หากเปลี่ยนมากเกินยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ต้องใช้น้ำที่รองพักไว้อย่างน้อยหนึ่งคืนค่ะ

คราวหน้าขอให้สำเร็จนะคะ


ความคิดเห็นที่ 2

JoieGirl25
JoieGirl25 (203.144.226.242) [2005-05-04 14:17:01]
เสียใจด้วยนะคะ

พี่มี่อธิบายละเอียดดีจัง

เอาใจช่วยพวกที่เหลือด้วยนะคะ

ความคิดเห็นที่ 3

fatfish47
fatfish47 (203.147.11.10) [2005-05-04 15:49:41]
อย่างที่คุณมีมี่ว่าค่ะ
หน้านี้ตอนเปลี่ยนน้ำต้องระวังเรื่องอุณหภูมิน้ำมากๆ
เพราะน้ำร้อนจี๋..ควรพักไว้ซะ 1 วันเต็มๆก่อนเปลี่ยนค่ะ

ความคิดเห็นที่ 4

MAROYS
MAROYS (202.95.76.158) [2005-05-04 17:20:38]
ผมเลี้ยงในอ่างเลี้ยงปลาทอง แบ่งเป็น 2 อ่าง คือ ตัวผู้ 3 ตัว และ อีกอ่างคือ ตัวเมีย 2 ตัว ครับ ให้อาหาร HIKARI
สำหรับบ่อสิงห์ซองดำครับ เปลี่ยนน้ำเปลี่ยนหมดเลยครับ
ใส่อ๊อก 1 หัว และ ตัวกรองแบบถ้วย อีก 1 หัวครับ เป็นแบบนี้ทั้ง 2 อ่าง ครับ ลองให้อาหารสดเป็นหนอนแดงแช่แข็ง แต่ไม่กินเหมือนกันครับ

ความคิดเห็นที่ 5

akesydney เองครับ
akesydney เองครับ (220.236.14.3) [2005-05-04 21:33:53]
โห คุณมี่ อธิบายมันส์จริงๆอ่ะ

ความคิดเห็นที่ 6

มีมี่
มีมี่ (202.183.176.137) [2005-05-04 21:54:50]
ดูแล้วน่าจะมาจากการเปลี่ยนน้ำใหม่หมดค่ะ อย่างที่คุณปลาอ้วนบอก ช่วงนี้น้ำร้อนจี๋ค่ะ

ปลาทองเซนซิทิฟต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิกระทันหันค่ะ

วันนี้ไม่ว่างเดี๋ยวหาที่เคยเก็บไว้ของผู้เชียวชาญโพสท์มาได้ดูค่ะ

น้องหนูนา คุณแมวอ้วน คุณเอกค่ะ คืออดไม่ได้ที่จะยาวค่ะ บางที่รีบพิมพ์ เพราะไม่ว่างจนเล็บหักก็มีค่ะ ตอนนี้ต้องพยายามตัดเล็บสั้นค่ะ

แต่เป็นคนพูดไม่เก่งนะ ...เชื่อเหอะน่า...

ความคิดเห็นที่ 7

มีมี่
มีมี่ (202.183.176.137) [2005-05-04 21:56:49]
อ้อ คุณมารวย(อ่านถูกหรือเปล่าไม่รู้ค่ะ) ไม่ทราบว่าปลาตายอย่างไร มีอาการอะไรคะ ซึม ไม่กินนี่แน่นอน แต่ว่าตัวมีแผล เกล็ดพอง ตัวช้ำเลือด ครีบเปื่อย หางเปื่อย มีราขึ้น ฯลฯ มีไหมจ๊ะ

อันนี้ไม่ใช่หมอพรทิพย์นะ แต่อยากรู้น่ะค่ะ


เพื่อน ๆ จะได้มองภาพออกน่ะค่ะ

ความคิดเห็นที่ 8

mimis
mimis [2005-05-04 22:09:17]
ลองดูนี่นะ เวลาเจออะไรมีประโยชน์มี่จะก๊อปเก็บไว้เป็นข้อมูลในการเขียนตลอดค่ะ มีเยอะมาก...ขอบอก

ขอบคุณเว็บ สยามโกล์ดฟิชค่ะ

ปลาทองเป็นสัตว์เลือดเย็น และจะไม่ชอบสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงโดยกระทันหัน ได้แก่ อุณหภูมิ, ค่าพีเอชในน้ำ ซึ่งผู้ที่จะเริ่มเลี้ยงปลาทองนั้นยังขาดความเข้าใจในการเลี้ยงปลาทอง.

ปัจจัยในการเลี้ยงปลาทองให้มีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงจะมีปัจจัยหลักแบ่งเป็น 4 ปัจจัย ดังนี้
1.อุณหภูมิ
ปลาทองจะชอบอุณหภูมิคงที่ ถ้าอากาศเปลี่ยนแปลงกระทันหัน เช่นอุณหภูมิร้อนหรือเย็นทันที จะมีผลทำให้ระบบการทำงานต่างๆในร่างกายของปลาทอง เช่น การหายใจ, การย่อยอาหารผิดปกติ. ทุกครั้งที่ท่านนำปลาทองเข้ามาใหม่ ควรที่จะลอยถุงที่บรรจุปลาไว้ในอ่างหรือตู้ที่จะใส่ปลาทอง ประมาณ 30 - 40 นาที หลังจากนั้นค่อยๆเปิดปากถุงและนำปลาทองปล่อยลงภาชนะที่จะเลี้ยง ข้อสำคัญควรงดให้อาหารแก่ปลาทองเป็นเวลา 2-3 วันเพื่อดูอาการของปลาทอง ถ้าปลาทองเริ่มว่ายไปมาหาอาหาร จึงค่อยเริ่มให้อาหารในปริมาณที่น้อยๆก่อน ถ้าปลาทองเริ่มกินอาหาร, ร่าเริงและขับถ่ายเป็นปกติ แสดงว่าปลาทองปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้แล้ว จึงค่อยเลี้ยงตามปกติ. สำหรับผู้ที่นำปลาทองไปเลี้ยงในตู้ อยากจะแนะนำให้ใส่ฮีทเตอร์เพื่อคงอุณหภูมิของน้ำไม่ให้เปลี่ยนแปลงกระทันหันในรอบวัน แต่ถ้าเลี้ยงในอ่างแนะนำให้เพิ่มระดับน้ำให้มากขึ้นเพื่อให้อุณภูมิของน้ำเปลี่ยนแปลงช้าลง.

2.น้ำ
แนะนำให้ใช้น้ำประปาที่ผ่านเครื่องกรองคลอรีน เพราะจะมีเชื้อโรคน้อย และที่สำคัญน้ำประปาที่ผ่านเครื่องกรองนั้นจะมีค่า พีเอชที่ 7 – 7.5 ซึ่งเป็นค่าพีเอชที่เหมาะสำหรับเลี้ยงปลาทอง และจะปลอดภัยกว่าน้ำที่พักไว้นานๆ.

อันนี้ เราไม่มีเครื่องกรองฯ ค่ะ ใช้นำปะปาที่พักไว้สักหนึ่งคืนก็ได้ค่ะ แต่หากเป็นพักไว้เป็นหลาย ๆ วันก็เอาไปอาบน้ำ รดน้ำต้นไม้ดีกว่าค่ะ แล้วรองใหม่มาให้น้องปลา

3.อาหาร
ปัจจัยอาหารจะเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก ปลาทองมักจะตายจากปัจจัยอาหารนี้ถึง 90% ผู้เลี้ยงชอบที่จะให้อาหารเม็ดปลาทองทีละมากๆ เพราะชอบดูเวลาปลาทองกินอาหาร ในแต่ละวันนั้นอาจจะมีผู้ให้อาหารปลาทองหลายคน นอกเหนือจากผู้ที่เลี้ยงแล้ว ซึ่งนิสัยธรรมชาติของปลาทองจะเป็นปลาที่กินอาหารตลอดเวลา และไม่มีกระเพาะช่วยในการย่อยอาหาร เมื่อกินอาหารทีละมากๆ ก็จะไม่ย่อย ท้องอืด, ท้องบวมลอย, ซึมและตายในที่สุด แนะนำควรให้อาหารแก่ปลาทองตอนช่วงเช้าในปริมาณที่ปลาจะกินหมดในระยะเวลา 5-10 นาที วันละครั้ง (อาหารเม็ดควรที่จะแช่น้ำก่อนให้ปลากินประมาณ 5 นาทีเพื่อให้อาหารนุ่มพอทีจะไม่ทำให้ปลาท้องอืด).

อันนี้มี่แช่แค่ นาทีนึงค่ะ ก็นิ่มแล้ว ไม่อยากให้อืดมากไป มันไม่อร่อย จื๊ดจืดค่ะ

4.อากาศ
อากาศในน้ำเป็นปัจจัยที่สำคัญในการเลี้ยงปลาทองอีกปัจจัยหนึ่ง ผู้เลี้ยงส่วนมากมักจะเลี้ยงปลาทองจำนวนมากไว้ในตู้หรือในอ่าง และให้อาหารมากๆเพื่อที่ปลาทองจะกินอาหารได้ทั่วถึงทุกตัว และเมื่อปลาทองทุกตัวถ่ายของเสียออกมาก็จะมีของเสียในน้ำในปริมาณที่มาก เพราะจำนวนปลาทองมาก น้ำก็จะขาดอากาศเป็นเพราะของเสียที่ปลาถ่ายออกมา ปลาทองจะขาดอากาศหายใจและตายได้ ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นการเลี้ยงที่ผิดวิธี แนะนำควรที่จะเลี้ยงปลาทองในจำนวนที่เหมาะสมกับขนาดของตู้หรืออ่าง เพื่อที่จะให้ปลาทองมีพื้นที่ในการว่าย, ในการหายใจเพื่อนำอ๊อกซิเย่นไปช่วยในการเจริญเติบโต อีกทั้งผู้เลี้ยงก็จะสามารถประหยัดปริมาณการให้อาหารแก่ปลาทองในแต่ละวัน และที่สำคัญผู้เลี้ยงก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนน้ำทุกวันเป็นการลดภาระลงไปได้อีกทาง.
จะเห็นได้ว่าปัจจัยหลักที่กล่าวมาข้างต้นนั้นล้วนมีความสัมพันธ์กันหมดที่จะทำให้ปลาที่ท่านรักสวยงาม,เติบโตและอยู่กับท่านไปนานๆ อย่าลืมนะครับ! เลี้ยงปลาทองเพื่อความเพลิดเพลินและผ่อนคลาย หากท่านมีปัญหาหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับปลาทองท่านสามารถโทรศัพท์มาปรึกษาหรืออีเมล์มาได้ครับ.

หวังว่าจะได้ประโยชน์นะจ๊ะ


ความคิดเห็นที่ 9

nono
nono (61.91.85.55) [2005-05-04 22:59:18]
พี่มี่อธิบายเหมือนเป็นอาจารย์เลยฮับ ละเอียดมากเลย

ความคิดเห็นที่ 10

poon
poon (202.183.176.231) [2005-05-04 23:23:27]
ขอคาราวะ...ขยันพิมพ์จัง

ความคิดเห็นที่ 11

มารวย
มารวย (203.144.142.73) [2005-05-05 21:11:30]
คุณมี่ครับดูปลาไม่เป็นอะไรเลยแต่ผอมลงเล้กน้อยครับไม่ค่อยว่ายเท่าไหรแต่ไม่ถึงกลับซึมครับ แต่ตอนนี้อยากได้ปลาใหม่ครับขอดีๆ หน่อยพอจะแนะนำได้หรือเปล่าครับ
ผมอยู่จังหวัดชลบุรีครับ

ความคิดเห็นที่ 12

มี่
มี่ (202.183.177.11) [2005-05-06 08:58:37]
โห...คุณมารวยต้องดูแลเค้าให้ดีให้สวยสิคะ ถึงจะเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ ปลามีหัวใจนะ เค้าจำคนที่เลี้ยงดูเค้าได้ค่ะ

ผอมไม่เป็นไรค่ะ อีกหน่อยหายดีให้ทานเยอะหน่อยก็ได้

เคยอ่านคำแนะนำจากหนังสือนะคะ ควรซอยอาหารปลาออกเป็นมื้อเล็ก ๆ ค่ะ อย่างห้ามือ้เป็นต้น ให้มื้อละน้อย แต่บ่อยครั้งดีกว่า ให้มื้อใหญ่มื้อเดียวหรือสองมื้อ

แต่ทีนี้พวกเราที่ทำงานกันช่วงกลางวัน ก็ไม่มีเวลาอยู่บ้านให้อาหารปลา ถึงได้จำเป็นต้องให้อาหารเค้าแค่วันละครั้ง หรือสองครั้งน่ะค่ะ


เรื่องปลาใหม่ ๆ ดี ๆ คงต้องขอคำแนะนำจากเพื่อนอื่น ๆ ค่ะ เพราะมี่ไม่ค่อยซื้อปลามีชาติตระกูลค่ะ จะซื้อแบบธรรมดา ๆ มาดูแลตามความสามารถ หางบิดหางเบี้ยวก็เอาค่ะ เลี้ยงกันไปให้หมดเวลาของเค้าไปเป็นรอบ ๆ

อย่างปีนี้มี่ก็เริ่มไม่สามารถเลี้ยงได้และเพราะว่าต้องเดินทางจากบ้านบ่อยครั้งละหลายเดือนค่ะ

รุ่นที่มีอยู่นี่ ซื้อมาตอนเค้าประมาณ 2 เซ็นฯ 3 ตัวห้าบาทค่ะ
ตอนนี้โตประมาณ นิ้วนึงละ แต่มีตี๋เล็กที่ ยังแกรนอยู่ค่ะ โด๊ปยังไงก็ไม่โต แถมโดนรังแกบ่อย ๆ จากพี่อีกสองตัวค่ะ

เดี๋ยวต้องไปหาบ้านใหญ่ขึ้นหน่อยให้เค้าค่ะ

ความคิดเห็นที่ 13

มี่
มี่ (202.183.177.11) [2005-05-06 09:03:20]
คุณ โนโน่ พี่ชอบเก็บข้อมูลประกอบการเขียนหนังสือน่ะค่ะ มีข้อมูลอยู่เต็มคอมพ์ เลยค่ะ ทั้งไทยและเทศค่ะ ถ้ามีเวลาจะแปลมาลงให้นะคะ

คุณ poon คะ ถ้าไปดูกระทู้เก่า ๆ ที่บอกเรื่องปลาป่วยนะ ยาวกว่านี้อีก คืออยากให้เค้าหาย

ไม่ใช่ว่าใช้วิธีนี้แล้วจะหายหมดนะคะ ก็มีที่ไม่รอด แต่วิธีเลี้ยงที่ได้รับการบอกเล่าจากผุ้มีประสบการณ์ก็น่าจะช่วยลดการสูญเสียได้น่ะค่ะ

มี่เจอเพื่อนเยอะแยะที่ว่า ซื้อปลามาจากเจเจแล้วลงน้ำเลย(น้ำปะปานะ) ทั้ง ๆ ที่มีคนบอกเค้าแล้วว่าต้องพักน้ำไว้ หรือต้องใส่ยาฆ่าคลอรีน แต่เค้าไม่สนใจ ไม่เชื่อ เทปลาทั้งถุงลงไป ก็ไม่เกินหนึ่งวันทั้งนั้นค่ะ
ด้านบน

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนทำรายการ

เข้าระบบ