Skip to content

ปรับปรุง เว็บไซต์ เยอะแยะเลย ลองกดเข้าไปเล่นดูสิ ตอนนี้ มีหมอตั้ม มาประจำที่ โรงพยาบาลแล้วนะครับ ใครมีปัญหาปลาป่วย ปรึกษาได้ครับ

ปลาทอง ปลาสวยงาม ชนิดแรกๆ ที่ เชื่อว่า หลายคน คงมีโอกาสได้สัมผัส ได้เลี้ยงดู ได้หลงเสน่ห์ ความน่ารัก ความอุ้ยอ้าย ของปลาชนิดนี้ กว่าร้อย สายพันธุ์ ที่เกิดจาก ความพากเพียร พยายาม ของมนุษย์ เรา

0001245

ถึงคุณมีมี่

มารวย
มารวย (61.90.224.19) [2005-05-06 21:29:53]
ปลาที่แจงว่าไม่กินอาหารแล้วตายนะครับพอดีพี่ที่ดูแลเค้าบอกว่าท่บ่อมีเมือกเหนียว ๆ ด้วยนะครับ และบ่อเลี้ยงเป็นบ่อเก่าที่เมื่อก่อนเคยเป็นที่อยู่ของพวกหนูด้วยนะครับ แถมเคยเป็นแหลงน้ำเน่าช่วงฝนตกด้วยครับ เพราะตอนเอามาเลี้ยงผมแช่น้ำแค่อาทิตย์เดียวครับ ไม่ทราบเพราะสาเหตุนี้หรือเปล่าครับ

ความคิดเห็นที่ 1

มี่
มี่ (202.183.176.189) [2005-05-07 09:34:36]
แหงเลยแหล่ะครับท่านมารวย คุยกับท่านแล้วรู้สึกเกร็ง ๆ เพราะนึกว่าคุยกับท่านมารวย ผดุงสิทธิ์ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์คนก่อน


มี่ไม่เคยเลี้ยงปลาในบ่อ เพราะว่าไม่มีวาสนาได้อยู่บ้านหลังใหญ่ ตอนนี้ต้องอยู่คอนโดก็คับแคบ เลี้ยงในตู้ตลอดค่ะ แต่ล๊อตปัจจุบันนี้ตั้งใจจะหาอ่างไฟเบอร์ให้ค่ะ

และด้วยความเป็นคนเจ้าสังเกตุ บอกกับรักสะอาดเปลี่ยนน้ำบ่อย ปลาของมี่เลยไม่ค่อยเป็นโรคอะไร นอกจาก เสียการทรงตัว ซึ่งเกิดจากการที่มี่ดันไปให้ปลากินอาหารเยอะไป และเกล็ดพอง ซึ่งคิดว่าไม่ใช่น้ำสกปรก แต่เป็ฯเพราะกินอาหารโปรตินสูงมากเกินไป โดยไม่ได้อาหารสดเลย

คือเราเป็นคนตะกละด้วยเลยสงสารปลา หากเค้าไม่อิ่ม

แต่ตอนนี้แก้นิสัยละ เพราะรู้ว่า กินน้อยตายยาก กินมากตายง่ายค่ะ

เรื่องบ่อนี้ คงต้องมีวิธีการทำความสะอาดให้ปลอดภัยน่ะค่ะ ไว้เจอวิธีที่ปลอดภัยแล้วจะเมล์มาบอกค่ะ

การล้างภาชนะเครื่องใช้ของปลา ไม่ควรใช้ น้ำยาทำความสะอาดของคนค่ะ มันจะตกค้าง แฟ๊บ ซันไลท์ อะไรเนี่ยใช้ไม่ได้เลย ถ้าแบบคิดเอาเองก็คงจะแนะนำให้ขัดถูให้สะอาดล้างน้ำหลาย ๆ ครั้ง ล้างน้ำเกลือด้วย ตากแดดให้แห้งหลาย ๆ แดด ประมาณให้เชื้อโรคมันแห้งตายไปเลยค่ะ

หรือเพื่อน ๆ ท่านอื่น ๆ ว่าอย่างไร
อ้อ เมือกเหนียว ๆ เป็นไปได้ว่ามาจากปลาทองแน่นอนค่ะ เคยเจอก่อนตายน้ำขุ่นข้น เหนียว เพราะว่าปลาพยายามปรับสภาพตัวเอง อะไรสักอย่าง เค้าเลยคายเมือกออกมาค่ะ โดยเฉพาะปลาที่ถูกใส่เกลือหนักเกินไปค่ะ

ความคิดเห็นที่ 2

มี่
มี่ (202.183.176.189) [2005-05-07 09:51:47]
สถานที่ ชนิด-ขนาดของบ่อ อุปกรณ์ที่ต้องใช้
สถานที่ที่เหมาะสมกับการเลี้ยงปลาทอง ควรจะอยู่ในที่อากาศถ่ายเทสะดวก หากมีแสงแดดส่องโดนในยามเช้า (ประมาณ 8 โมง ถึง 11โมง) จะดีมาก ควรหลีกเลี่ยงการโดนแดดทั้งวัน ต้องไม่โดนฝน และป้องกันไม่ให้สัตว์ชนิดอื่นมาคาบไปกินได้ โดยเฉพาะ นก สุนัข งู เป็นต้น

ปลาทอง Ranchu และ Tosakin นิยมเลี้ยงกันในบ่อ ส่วนปลาทอง Jikin สามารถเลี้ยงได้ทั้งในบ่อ และในตู้ปลา แต่โดยทั่วไปแล้วปลาทั้งสามชนิดนี้เรียกได้ว่าเป็นปลา Top View คือ นิยมมองดูในด้านบน มากกว่าด้านข้าง จึงเหมาะสมที่จะเลี้ยงในบ่อปลามากกว่า

บ่อปลา ในปัจจุบันมีให้เลือกทั้ง บ่อที่หล่อจากปูน , บ่อที่ทำจากไฟเบอร์ และ บ่อที่ทำจากพลาสติก

บ่อที่หล่อจากปูน มีให้เลือกทั้งบ่อปูนสำเร็จรูป มีมากมายหลายขนาด และบ่อที่ใช้ก่ออิฐฉาบปูนแบบ ถาวร ซึ่งทั้งสองแบบจะให้ความแข็งแรง ทนทาน มากกว่าบ่อประเภทอื่น มีราคาไม่สูง และสามารถควบคุมอุณหภูมิของน้ำให้เปลี่ยนแปลงได้อย่างช้า ๆ แต่จะมีข้อเสีย คือ น้ำหนักมาก (หมายถึงบ่อปูนสำเร็จรูป) เมื่อมีตะไคร่น้ำขึ้นจะล้างทำความสะอาดได้ยาก อาจก่อให้เกิดการสะสมของเชื้อโรคตามรูพรุนเล็ก ๆ ของเนื้อปูน และเนื่องจากบ่อชนิดนี้ทำจากปูน จึงทำให้ค่าความกระด้างของน้ำเปลี่ยนแปลงได้ง่าย หากเป็นบ่อใหม่ ต้องระวังอย่างมากในเรื่องความเค็มของเนื้อปูน ก่อนจะใช้ต้องแช่น้ำไว้เป็นเวลานาน (นับเดือน) จนแน่ใจว่าไม่มีความเค็มของเนื้อปูนหลงเหลืออยู่ หรือหากต้องการรีบใช้ สามารถแก้ได้โดยการปล่อยบ่อให้แห้ง นำน้ำส้มสายชู มาทาบ่อด้านในให้รอบบ่อ ปล่อยให้แห้งแล้วทาซ้ำอีกหลาย ๆ เที่ยว จากนั้นใส่น้ำให้เต็มบ่อ เทน้ำส้มสายชูผสมลงไปด้วย ทิ้งไว้สัก 2 วัน แล้วจึงล้างให้สะอาด จะช่วยให้ความเค็มของปูนลดน้อยลง และสามารถใช้เลี้ยงปลาได้ แต่การเลี้ยงปลาในระยะแรกควรสังเกตอาการของปลาด้วยว่า ลำตัวปลาตกเลือด หรือมีผื่นแดง หรือไม่ เพราะนั่นเป็นอาการที่ปลาแพ้ความเค็มของปูน

อีกวิธีหนึ่งที่นิยมใช้กันคือการทาสี สีที่ใช้เป็นสี เพ้นท์การ์ด อีนาเมล หรือที่นิยมเรียกกันว่าี Epoxy (อีพ็อกซี่) การทาสีบ่อนี้จะมีผลดีตรงที่เมื่อสีแห้งแล้ว ล้างทำความสะอาด และสามารถใช้เลี้ยงปลาได้ทันที และสามารถแก้ปัญหาจุดอ่อนของบ่อปูนได้ทั้งในเรื่องความกระด้างของน้ำ รูพรุนของผิวปูน และทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น

สีอีพ็อกซี่ ของโจตัน 1 ชุด มี 2 กระป๋อง คือกระป๋อง A และกระป๋อง B วิธีการใช้จะต้องนำทั้งสองกระป๋องมาผสมกันในอัตราส่วน 1 ต่อ 4 ส่วน ควรผสมทีละน้อยตามความจำเป็น เพราะสีที่ผสมแล้วจะแห้งแข็งตัวในเวลาอันรวดเร็ว และไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก บ่อปูนใหม่จะต้องใช้รองพื้น ก็คือ น้ำมันวานิช ของโจตัน ทารองพื้นก่อนสัก 2-3 เที่ยวยิ่งดี ก่อนทาทับต้องปล่อยให้น้ำมันวานิชเดิมแห้งสนิทก่อน เมื่อทาน้ำมันวานิชเสร็จแล้ว จึงเริ่มลงสีจริง ซึ่งมีหลายเฉดสีให้เลือกตามความพอใจ ตัวทำละลายที่ต้องใช้คือ ทินเนอร์ ของโจตัน เบอร์ 17 การผสมทินเนอร์ไม่ควรเกิน 10 % ของเนื้อสี เพราะหากผสมทินเนอร์มากไป ถึงแม้จะทำให้ทาสีได้ง่าย ลื่นมือ แต่เนื้อสีจะไม่แข็งแกร่ง การเกาะติดของเนื้อสีจะน้อยลง และความเงางามจะลดน้อยลงตามไปด้วย

บ่อไฟเบอร์ ในปัจจุบันเป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น ข้อดีของบ่อไฟเบอร์ก็คือ น้ำหนักเบา ล้างทำความสะอาดง่าย ผิวบ่อเรียบลื่น จึงทำให้ไม่เป็นที่สะสมของเชื้อโรค ไม่มีปัญหาในเรื่องค่าความกระด้างของน้ำ ส่วนข้อเสียเมื่อเทียบกับบ่อปูน คือ ราคาสูงกว่า แข็งแกร่งน้อยกว่าน และอุณหภูมิน้ำในบ่อเปลี่ยนแปลงเร็วกว่า

การแก้ปัญหาอุณหภูมิน้ำในบ่อไฟเบอร์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สามารถทำได้โดย การเลือกขนาดของบ่อไฟเบอร์ ให้มีขนาดบรรจุน้ำได้มาก ความหนาของบ่อไฟเบอร์ยิ่งหนามากก็ยิ่งมีส่วนช่วยในเรื่องนี้ได้ดีมากขึ้น แต่ทั้งนี้บ่อไฟเบอร์ยิ่งหนาเท่าไหร่ราคาก็ยิ่งสูงมากขึ้นอีก บ่อไฟเบอร์ที่ประเทศญี่ปุ่นของผู้ผลิตบางรายจะใช้ฉนวนรักษาอุณหภูมิแทรกไว้ในผิวเนื้อกลาง แต่ราคาของบ่ออยู่ที่ใบละไม่ต่ำกว่า 10,000.- บาท

บ่อพลาสติก มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับบ่อไฟเบอร์

ขนาดของบ่อ มีความสำคัญมาก การเลี้ยงปลาทองให้ดีควรให้ปลามีพื้นที่การว่ายได้มาก ซึ่งขนาดของบ่อไม่ควรต่ำกว่า 1.10 เมตร คูณ 0.90 เมตร และความลึกไม่ควรน้อยกว่า 25 เซนติเมตร ตัวอย่างบ่อขนาด 1.10 เมตร คูณ 0.90 เมตร ควรเลี้ยงปลาในรุ่นโทไซ ไม่เกิน 4 ตัว เป็นต้น แต่ถ้าเป็นปลาทอง Tosakin ขนาดเล็ก ควรเลี้ยงในบ่อทรงกลม ลักษณะคล้ายชาม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางปากบ่อตั้งแต่ 50 –70 เซนติเมตร จะทำให้หางของปลามีพัฒนาการที่ดียิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเลี้ยงปลาโทซาคิน สามารถศึกษาวิธีการเลี้ยงได้ที่เทคนิคการเลี้ยงโทซาคินเบื้องต้น และเทคนิคการเลี้ยงโทซาคินชั้นสูง ในเวปไซด์นี้ได้

แหล่งน้ำที่ใช้ในการเลี้ยงน้ำที่ใช้เลี้ยง ต้องเป็นน้ำที่สะอาด ปราศจากคลอรีน 100% ซึ่งน้ำที่ใช้เลี้ยงปลาทองโดยทั่วไปมี 2 ประเภท คือ น้ำประปา และน้ำบาดาล

น้ำประปา เป็นน้ำที่ค่อนข้างเชื่อมั่นในความสะอาดได้มากกว่าน้ำประเภทอื่น แต่จะมีปัญหามากในด้านคลอรีนที่ผสมอยู่ น้ำประปาจะนำมาใช้เลี้ยงปลาได้จะต้องเป็นน้ำที่ปราศจากคลอรีน โดยอาจจะนำน้ำประปาผ่านเครื่องกรองน้ำ (เครื่องกรองน้ำจะต้องใส่สารกรองคาร์บอน) , การนำน้ำประปามาพักทิ้งไว้ประมาณ 2 วัน หรือการใส่สารลดคลอรีนในน้ำประปา ซึ่งวิธีนี้ควรใช้ในเวลาที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น

เครื่องกรองน้ำที่ใช้ดักคลอรีนในน้ำประปา ควรใช้เครื่องกรองที่มีความจุสารกรองไม่ต่ำกว่า 20 ลิตร และใช้สารกรอง Activated Carbon ที่มีคุณภาพดี มีการทดสอบน้ำที่ผ่านเครื่องกรองอย่างสม่ำเสมอว่ามีคลอรีนติดออกมาหรือไม่ มีการล้างสารกรองย้อนกลับ (Back Wash) ตามปริมาณมากน้อยของการใช้น้ำ แต่อย่างน้อยที่สุดควรล้างสารกรองเดือนละ 1 ครั้ง

น้ำบาดาล ไม่มีปัญหาในเรื่องคลอรีน แต่จะมีปัญหาในเรื่องคุณภาพน้ำ บ่อน้ำบาดาลที่มีคุณภาพจะต้องเป็นบ่อซึ่งเจาะลึกลงผ่านชั้นดิน ความลึกไม่ต่ำกว่า 100 เมตร ในบางที่ต้องเจาะลึกถึง 300 เมตร คือต้องเจาะถึงตาน้ำ บ่อน้ำบาดาลที่เจาะตื้น ๆ น้ำที่ได้จะเป็นน้ำซึ่งซึมมาจากบริเวณข้างเคียง จึงไม่ค่อยสะอาดนัก ผู้เลี้ยงปลาที่ใช้น้ำบาดาลบางรายอาจจะเคยพบปัญหาปลามีสีซีด เกล็ดปลากระด้าง ขุ่น ดูไม่มีชีวิตชีวา อาจจะแก้ปัญหาโดยการนำน้ำบาดาล ผ่านถังกรองน้ำซึ่งมีใยแก้ว ซีโอไลท ถ่านคาร์บอน ปะการัง หรืออื่น ๆ และพักน้ำทิ้งไว้สัก 1-2 วัน จะช่วยลดปัญหาได้บ้าง

ปั๊มพ์อากาศ หรือที่เรียกกันว่า ปั้มออกซิเจน จำเป็นต้องใช้แน่นอน เลือกขนาดที่พอเหมาะกับจำนวนบ่อที่ใช้เลี้ยง และควรมีเครื่องสำรองไว้ในกรณีเครื่องเดิมเสียด้วย

เมื่อสามารถเลือกใช้บ่อได้ตามความเหมาะสม พร้อมกับมีน้ำที่มีคุณภาพแล้ว เพื่อความสะดวกสบาย ควรมีการเดินท่อระบายน้ำเก่าทิ้ง และเดินท่อน้ำใหม่ลงสู่บ่อ การจัดระบบต่าง ๆ ให้ดีและพร้อมครบถ้วน จะทำให้ท่านมีความเพลิดเพลินในการเลี้ยง และเป็นงานอดิเรกที่ดีมาก ไม่เป็นภาระแต่อย่างใด

การเลือกซื้อปลา และข้อควรปฏิบัติในการเลี้ยง

ปัจจัยหลักอย่างแรกในการเลือกซื้อปลา นั่นก็คือ ความแข็งแรง ปลาขณะอยู่ที่ร้านจำหน่ายปลาจะต้องเป็นปลาที่แข็งแรง ว่ายน้ำ ไม่มีอาการซึม หากเป็นปลานำเข้าจากต่างประเทศ ควรเป็นปลาที่นำเข้ามาแล้วไม่น้อยกว่า 10 วัน สังเกตทั่วทุกส่วนของปลาจะต้องไม่มีบาดแผล หรือจุดแปลกปลอมใด ๆ ปัจจัยต่อมาก็คือความสวยงามของปลา ซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์พอสมควร เพราะฉะนั้นจึงควรเลือกซื้อปลาจากร้านที่มีชื่อเสียง เชื่อถือและไว้วางใจได้

เมื่อเลือกซื้อปลาที่ท่านถูกใจได้และนำกลับบ้านแล้ว การปล่อยปลาจะต้องนำถุงปลาวางลอยไว้ในบ่อที่ใช้เลี้ยง ประมาณ 20-30 นาที เพื่อปรับอุณหภูมิน้ำในถุงให้เท่ากับน้ำในบ่อ หลังจากนั้นเปิดถุงปลาออก ตักน้ำในบ่อใส่เพิ่มลงไปในถุงทีละน้อย ปล่อยไว้สักระยะหนึ่ง แล้วจึงปล่อยปลาลงสู่บ่อได้ เมื่อปลาอยู่ในบ่อแล้ว สถานที่ สภาพน้ำ สภาพภูมิอากาศ อาจจะแตกต่างจากที่เคยอยู่เดิม และปลาจะอ่อนแอจากการเคลื่อนย้าย เพราะฉะนั้นจึงควรงดการให้อาหารแก่ปลา 1 วัน เพื่อให้ปลาปรับสภาพ และแข็งแรงก่อน ปัญหาที่มักพบบ่อยคือ การนำปลาใหม่ที่พึ่งจะซื้อ ไปปล่อยรวมกับปลาเดิมที่เลี้ยงอยู่แล้ว อาจจะทำให้ปลาป่วยได้ จึงสมควรที่จะต้องแยกเลี้ยงปลาใหม่ไว้ต่างหาก ประมาณ 10 วันขึ้นไป หากปลาแข็งแรงดี ไม่มีอาการใด ๆ ผิดปกติ ก็สามารถนำไปรวมกับปลาเดิม เลี้ยงในบ่อเดียวกันได้ หลังจากรวมปลาแล้วควรงดอาหารสัก 1-2 วัน แล้วสังเกตอาการปลาอย่างใกล้ชิด การเปลี่ยนน้ำในบ่อปลาเดิมเป็นน้ำใหม่ทั้งหมดก่อนการรวมปลาจะเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อของปลาได้เป็นอย่างดี


มี่ไม่สันทัดเรื่องบ่อค่ะ เลยขออนุญาตนำของเพื่อนเก่าที่หายไปนานแล้ว คือ คุณ ป้อม สุราษฎร์..มาเป็นวิทยาทานนะคะ

เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มาก ๆ ค่ะ

ความคิดเห็นที่ 3

มี่
มี่ (202.183.176.189) [2005-05-07 09:53:34]
ป.ล. รู้สึกเขาจะบอกวิธีการเลี้ยง โทซากิ้น รันชู และจีกิ้น ค่ะ แต่เรื่องบ่อคิดว่าเอามาใช้กันได้ค่ะ

ความคิดเห็นที่ 4

นุ
นุ (203.172.117.39) [2005-05-07 20:49:30]
น้ามี่ ศิรานีปลาทอง

ความคิดเห็นที่ 5

มารวย
มารวย (61.90.224.5) [2005-05-07 21:57:08]
ขอบคุณคุณมี่มากเลยครับ ผมจะลองให้ด่างทับทิมแช่บ่อดูครับ

ความคิดเห็นที่ 6

JoieGirl25
JoieGirl25 (203.144.226.242) [2005-05-10 12:00:36]
^___^
ด้านบน

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนทำรายการ

เข้าระบบ