ถ่าน , คาร์บอน เท่าที่ผมเคยได้ยินมา มันจะมีอายุของมันอ่ะครับ อาจจะเป็น 4 เดือนหรือเปล่าผมก็ไม่มั่นใจนัก ถ้าเราใช้มันจนเลยอายุของมันแล้ว มันจะคลายของเสียที่มันเก็บกักเอาไว้ออกมา ซึ่งหากเราใช้ไปซักพักนึงแล้ว ควรนำออกมาล้างทำความสะอาด และตัวคาร์บอนเองก็จะค่อย ๆ เสื่อมความสามารถในการทำงานลงไปตามกาลเวลา

โดยส่วนตัวผมว่า น่าจะเปลี่ยนจากไบโอบอลเป็นวัสดุกรองประเภทที่ให้ที่อยู่อาศัยกับแบททีเรียดีกว่าครับ ประโยชน์มันคุ้มค่ากับพื้นที่ที่ต้องเสียไปมากกว่า

ตอนนี้ผมว่าน่าจะลื้อวัสดุกรองออกมาทั้งหมด ทำความสะอาด ล้างตู้ ช่วงแรก ๆ น้ำจะยังไม่ใสนักเนื่องจากระบบกรองยังทำงานได้ไม่เต็มที่ ต้องรอซัก 45 วันน่ะครับ ภายในกรองจึงจะมีแบททีเรียมากพอที่จะบำบัดของเสีย ทั้งนี้ทั้งนั้น ปริมาณปลากับขนาดของตู้ ต้องสัมพันธ์กันด้วยครับ ถ้าเลี้ยงปลาแน่นไปกรองดีแค่ไหนก็เอาไม่อยู่ครับ

ขอให้เลี้ยงปลาอย่างมีความสุขนะครับ ^o^

ขอมือใหม่แสดงความคิดเห็นหน่อยนะครับ 555 ถ้าอันไหนผิดก็ช่วยแก้ด้วยนะครับ ก็ตามประสบการณ์ ปลาทองเหมาะกับกรองข้างมากกว่ากรองนอกตู้ครับ เพราะกรองนอกตู้จะดูดน้ำได้แค่ระดับเดียว(คือระดับที่ท่อดูดน้ำมันอยู่) ซึ่งกรองข้างนั้น สามารถดูดน้ำได้ทั้งผิวน้ำ(อันนี้สำคัญ) และใต้น้ำด้วย กรองนอกตู้นั้นใช้วัสดุกรองดีแค่ไหนก็เอาไม่อยู่ น้ำก็ยังขุ่นอยู่ดี(อันนี้ประสบมาแล้วครับ จนต้องซื้อตู้ที่มีกรองข้างมาใช้) สิ่งที่ต้องทำก็คือ เปลี่ยนจากไบโอบอลเป็นวัสดุกรองอย่างอื่น เช่น หินพัมมิส หรือ เซรามิคริงแบบมีรูพรุน(แต่แนะนำเป็นหินพัมมิสครับ) เปลี่ยนแค่นี้แหละครับ ส่วนถ่าน(คาร์บอน)นั้นสำหรับตู้ปลาทองผมว่าควรจะมีไว้ก็ดีนะครับ เพราะกลิ่นตู้ปลาทองจะเหม็นพอสมควรเลยทีดียว แต่ก็ไม่แน่ใจว่าถ่านจะช่วยดูดซับกลิ่นได้มากขนาดไหน ฉะนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ วัสดุกรอง(หินพัมมิส) ส่วนถ่านคาร์บอน เมื่อถึงอายุของมัน จะไม่คายของเสีย แต่เมื่อมันหมดประโยชน์แล้วจะใส่ไว้ทำไมก็แค่นั้นเองครับ เพราะการคายของเสียของถ่านต้องใช้ความร้อนสูงมากครับ(reactivated) สรุป กรองข้างชั้นบนสุด ใส่ใยแก้วเพื่อดักขี้ปลาและตะกอนต่างๆ ชั้นถัดลงมา ก็ใส่วัสดุกรอง(หินพัมมิส)เอาให้เต็มช่องเลยนะครับ แล้วชึ้นล่างสุด(ที่มีปั้มน้ำ)ก็อาจจะใส่ถ่านคาร์บอนลงไปก็ได้ครับ ถ้าไม่ใส่ถ่านก็ใส่หินพัมมิสแทนก็ได้ครับ โชคดีครับ

อีกนิดครับ อาจไปซื้อแบคทีเรียน้ำหรือผงมาใส่ เพื่อให้ระบบกรองชีวภาพเซ็ทตัวเร็วขึ้นก็ได้นะครับ ที่ใช้มาแล้วได้ผลดีก็ (ขออนุญาตบอกยี่ห้อละกันเนาะ) Azoo ครับเป็นแบคทีเรียน้ำ หรือไม่ก็ Aquaruma(ไม่รู้เขียนถูกป่าวเนาะ) อันนี้เป็นแบคทีเรียผง
แล้วก็ขอเพิ่มเติมในส่วนของการล้างระบบกรองนิดนึงนะคับ เวลาล้างวัสดุกรองอย่างหินพัมมิส(คือวัสดุอะไรก็ตามที่เป็นที่อยู่ของแบคทีเรีย) เวลาล้างให้ใช้น้ำจากตู้ปลาล้างนะครับ น้ำประปานี่ห้ามเลย หรือแม้แต่น้ำดื่มก็ไม่ควร เพราะว่าแบคทีเรียก็คือสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งครับ เมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงเร็วจนมันปรับตัวไม่ทันมันก็ตายครับ แล้วเราก็ต้องมานั่งรอระบบกรองเซ็ทตัวกันใหม่อีกที นอกเรื่องไปเยอะโทดทีนะคับ ก็ไอ้แบคทีเรียน้ำหรือผงเนี่ย ก็ใส่ทุกครั้งหลังจากเปลี่ยนน้ำก็จะดีครับ

เอาอีกๆ ที่ถามว่าแบคทีเรียมากจากไหน แบคทีเรียก็มีอยู่ทุกที่ครับ แบคทีเรียก็มีทั้งที่ดีและไม่ดีครับ ที่อยู่ในระบบกรองของเราเนี่ย เป็นแบคทีเรียฝ่ายธรรมมะครับ แบคทีเรียมีอยู่ทุกที่ครับ ระบบกรองดีแค่ไหน ในน้ำก็มีแบคทีเรียฝ่ายอธรรมอยู่เหมือนกัน แต่ที่ต่างกันคือ สุขภาพของปลาครับ ระบบกรองดีปลาก็สุขภาพดี ภูมิคุ้มกันก็สูง ฉะนั้นไอ้แบคทีเรียอธรรมที่อยู่ในน้ำ ก็ไม่สามารถทำอะไรปลาคุณได้ แล้วที่เรียกว่าระบบกรองดีเนี่ยก็คือ เรามีแบคทีเรียฝ่ายธรรมมะที่มากพอที่จะกำจัดของเสีย(ขี้ปลา) เมื่อขี้ปลาไม่มี น้ำก็ไม่เสีย ปลามีความสุขครับ เหอๆ จบและ ไม่เขียนไรต่อแล้วคับ ไม่ต้องกลัว 5555 บ๋ายบาย

ผมจะงงว่า ปรสิตมาจากไหน และเป็นตัวอะไรมากกว่าครับ

ส่วนเรื่องระบบกรอง ประสิทธิภาพของระบบขึ้นอยู่กับพื้นที่ผิวของวัสดุกรอง และอัตราการไหลเวียนของน้ำครับครับ

วัสดุกรองแต่ละชนิดมีพื้นที่ผิวสำหรับให้แบคทีเรียเกาะไม่เท่ากัน วัสดุกรองที่มีพื้นที่ผิวมาก แม้จะใช้ในปริมาณน้อย ก็อาจจะมีประสิทธิภาพเท่าเทียมกับวัสดุกรองที่มีพื้นที่ผิวน้อยกว่าในปริมาณมากครับ

อัตราการไหลเวียนของน้ำ โดยปกติจะอยู่ที่ 3 เท่าของปริมาตรตู้ ต่อชั่วโมง ทั้งนั้ยิ่งมีอัตราการไหลเวียนมาก การบำบัดน้ำก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ

เช่น ตู้ 24" มีปริมาตรน้ำประมาณ 60 ลิตร ปั๊มที่เราควรจะใช้อย่างต่ำควรจะมีแรง 180 ลิตร/ ชม ครับ

ขอพูดเรื่องมาลาไคท์กรีนนะครับถ้าจะใส่ไม่ควรมีถ่านคาร์บอนในระบบครับ เพราะมันจะดูดซับตัวยาเข้าไปยามันจะทำให้การรักษาไม่ดีเท่าที่ควรครับอีกตัวนึง คือซีโอไลท์ครับถ้าจะใส่เกลือเข้มข้นในตู้นี่ก้อต้องเอาออกครับอันนี้คายของเสียออกมาแน่ๆ
ดังนั้นผมแนะนำว่าถ้าปลาไม่ได้ปว่ยการใส่เกลืออย่างเดียวก้อพอครับ แต่ถ้าปลาไม่สบายก้อเอาแยกออกมาในระบบที่ไม่มีถ่านคาร์บอนครับมาลาไคท์กรีนนี่ผมว่า อันตรายต่อผู้เลี้ยงครับมันมีสารก่อมะเร็งยังไงรอท่านอื่นอีกทีนะครับ

Aquariuma Super 13 Bacterias งับ

เปลี่ยนจาก ไบโอบอลเป็น หินภูเขาไฟสิครับ

แบคทีเรียเกิดขึ้นได้เสมอครับ มันมากับอากาศได้ พอๆกับไวรัสเลยครับ โรคที่เกิดจากปลาส่วนใหญ่ ก็มาจากตู้ปลาไม่ค่อยล้างหรือทำความสะอาดกัน โรคต่างๆถึงถามหา
มีอะไรก็ใช่อย่างนั้นก็ได้ครับ ไม่จำเป็นต้องเสียเงินเพิ่ม คุณควรปรับปรุงการเลี้ยงให้ดี จะดีเสียกว่าอีก

เรื่องมันละเอียดอ่อนครับ เอาเป็นว่าเอาเว็ปไปเลยก็แล้วกันนะครับละเอียดมากเลย..ถ้ามีเวลาอ่านะ...หุหุหุ
http://www.ranchushop.com/Board/comment.asp
webboard_id=945

ข้อแก้ไขนิดนึงครับ พอดีพิมตก
*** หมอเค้าบอกว่าเจอปรสิต แต่ติดเชื้อแบคทีเรีย
----> ไม่เจอปรสิต แต่ติดเชื้อแบคทีเรีย

ขอบคุณทุกท่านมากๆเลยครับที่สละเวลาเข้ามาตอบ ^O^

ผมยังมีข้อข้องใจอีกนิดนึงนะครับ ขอรบกวนถามเพิ่มเติม

- เรื่องการเปลี่ยนถ่ายน้ำ หลังจากปล่อยให้ระบบมันเซตตัวแล้ว
เวลาถ่ายน้ำควรถ่ายกี่เปอร์เซ็นต์ดีครับ? และบ่อยแค่ไหน
ตอนนี้ผมถ่ายทีละ 50% น้ำประปา 2อาทิตย์ครั้งนึง

- แล้วห้ามใช้น้ำประปาใช่ไหมครับ ถ้าน้ำกรองจากเครื่องกรองน้ำดื่มแบคทีเรียฝ่ายดีมันจะตายหรือเปล่า

ขอบคุณครับ

อาทิตย์ละครั้ง 20% ครับ ถ้าคุณเปลี่ยนแค่ 20% ใช้น้ำประปาโดยตรงได้เลยครับ แต่ถ้าจะให้ดีพักน้ำไว้ดีกว่าครับ ถึงตอนนี้ไม่ต้องห่วงแบคทีเรียหรอกคร้าบบ ห่วงปลาดีกว่าเนาะ ที่ผมเคยบอกว่าห้ามใช้น้ำประปาเนี่ย คือตอนล้างวัสดุกรองคร้าบบ ไม่ใช่ตอนเปลี่ยนน้ำเนาะ ฉะนั้น เปลี่ยนน้อยๆ แต่บ่อยๆดีกว่าคร้าบ

ขอบคุณมากครับคุณ daNU _/|\\_
ซึ้งใจครับ Y_Y อุส่าเข้ามาตอบรอบสองให้