ผมล้างจนมือเหลืองเลยอะคับ แค่ สองถุงเองนะ เหนื่อยมากกกก

ต้องใช้กาลามางใบหญ่าย ๆ มารองครับ

สงสัยต้องไปยืมกะละมังบ้านพี่หมูละ

555 เตรียมตัวไว้ด้วยนะพี่ เดี๋ยวจะขอไปดูปลาที่บ้านพี่ซะหน่อย

ข้อดี
1. ปลาบางชนิดสีสันเข้มขึ้น (ย้ำว่าบางชนิด)
2. โทนสีตู้ปลาออกไปทางครึ้มๆ ได้บรรยากาศดี
3. ปลาอม บ้วนกันสนุกสนาน

ข้อเสีย
1. ทำความสะอาดยาก (ข้อนี้ทรายทุกชนิดครับ)
2. ราคาค่อนข้างสูง
3. ตู้อาจจะไม่เหมือนในทะเลสาบเท่าที่ควร

ข้อสงสัย
1. มันมาจากที่ไหนหว่า?

แถมหน้าฟรอน "คิโกม่า" ดูแก้มดำๆกัน ชอบๆ

ให้พี่หมูล้างให้ดีกว่า

ข้อดีไม่ขอพูดถึง .....

พูดข้อเสียดีกว่า ตามนิสัยคนไทย 55 55

จริงๆ ผมเลิกสนใจแล้วนะ ทรายดำ เพราะอะไรที่สนใจมากๆ

มักจะนำความวิบัติมาเสมอ

เวลาผมล้าง ผมล้างแบบ งูๆ ปลาๆ มาก

เอามันเทลงใส่กระป๋องทรงสูงหน่อย เติมน้ำไปจนล้น กวนๆ ล้างๆ

จากนั้นเทใส่ตู้เปิดกรอง ใส่ใยแก้วหนาๆ ซัก 3 ชั้น

พรุ่งนี้เอาใยแก้วไปทิ้งแล้วเปลี่ยนใหม่

แค่นี้เอง เพราะรู้อยู่แล้วว่ายังไง ก็ล้างไม่เกลี้ยง

เปลืองน้อโดยใช่เหตุ เลยเอาระบบกรองนี่แหละ ล้างมันแทน

เนื่องจากได้รับปลาอมถุยมาจากคุณให้ 14 หน่วย เลยต้องไปซื้อทรายดำมาใส่ตู้ คนขาย คุณโอ๊ต แนะนำให้ใส่ถัง กวนๆ ซัก 2 น้ำ จากนั้นตักมาทีละหน่อยด้วยกระชอนเปิดน้ำไหลผ่าน เอามือขยุ้มๆ จากด้านล่าง เป็นอันเสร็จพิธี โยนลงตู้ได้เลย รันน้ำวันเดียวใสกิ๊ง

ลองมาแล้วคร้าบบบ

ข้อสงสัย จาก คหที่4
1. มันมาจากที่ไหนหว่า?

ตอบ ที่ไทยไม่รู้ครับ เเต่ผมเคยไปทะเลที่ญี่ปุ่น ทรายเป็นสีดำครับ
ค่อนข้างเหมือนทรายดำที่ใช้กันไม่เเน่ใจว่าใช่หรือป่าวครับ

ขอพูดข้อดีน่ะครับ
1. เป็นวัสดุ ปูพื้นที่ สีสัยสวยที่สุด ในความคิดผม
2. เวลา ปลา ปล่อย ของเสีย มองไม่เห็นดี ดำ ตามทรายไปเลย(ถ้าเป้นทรายขาวก็จะเห็นเด่นชัด ดูแล้ว ไม่สะบายตาเลย)
3. ทำความ สะอาด ง่าย เพราะไม่ต้องคิดอะไรมาก ดูด หน้า ทราย เอามาล้าง อาทิตย์ ละครั้ง พอ มี ตกหล่น บ้างเล็กน้อย ก็เอาน้ำ ลาดไป ให้ลงท่อ จบ
.....ในความคิดผม เมื่อ เปรียบเทียบ กับ การใช้กรวด
กรวด ไม่ว่าจะ เล็กหรือ กลาง เศษอาหาร หรือ ของเสีย มักจะเข้า ไปหมักหมมได้ง่าย ถ้าจะล้างแบบ สะอาด บางทีถึงกับต้อง เอาปลาออกเลย ... ถ้าเป้นกรวดขาว ... ใช้ไม่นานก็จะเปลี่ยนเป็น สีเหลือง
สรุป .. แล้วแต่ชอบ ขอรับ

ถ้าชอบมันก็มีข้อดีทั้งนั้นแหล่ะ แต่ถ้าไม่ชอบบอกนะแน็ท กาละมังที่อยู่หน้าบ้านเดี่ยวจะขนไปทิ้งให้ หุหุ

เวลาล้างก็
1. เอาถังสีใหญ่ๆ เน้นถังสูงหน่อย
2. ต่อสายยางจากก๊อก ให้น้ำแรงหน่อย
3. เอาทรายใส่ถัง สัก 1/3 ถัง
4. ฉีดน้ำล้างแรงๆ คงนึกออกนะว่าทำไง ให้มีฟองอากาศลงไปด้วยยิ่งดี มันจะกวนทรายอย่างแรง แต่ไม่ล้น
5. เทน้ำทิ้ง
6. ทำซ้ำ จนพอใจ หรือเมื่อย หรือแฟนเรียกไปกินข้าว
7. สะอาดดี ทำไม่นานหรอก ก่อนนี้ผมล้างใส่ตู้ 72 ก็ไม่นาน

เอามือไปกวนๆ น่ะ กว่าทรายจะสะอาด มือก็ซีดแล้ว

มันมาจากที่ไหน?
เคยได้ยินว่ามาจากกาญจนบุรี

วีธีล้างที่ผมใช้แล้วได้ผล
คือ ค่อยๆแบ่งออกมาใส่กะละมังเล็กๆ (ทรายดำยี่สิบกิโล แบ่งเป็นประมาณ 10 กะละมัง) ทีละน้อย ฉีดน้ำแรงๆ กวนๆๆๆๆ เททิ้ง แล้วทำซ้ำประมาณ 7-8 ครั้ง ก็เสร็จแล้วกะละมังแรก ... แล้วก็ทำกะละมังต่อๆไปจนหมดกระสอบ ... เหนื่อยอยู่

ที่บ้านเวลาล้าง จะเอากระชอน หรือถุงผ้าตาถี่ ๆ มาครอบที่ปลายสายยาง เอาไว้ดักพวกทราย

เวลาเปลี่ยนน้ำ ผมใช้ไซฟอนดูดๆ โดยมีวาล์วปรับครับ ก็ปรับให้ทรายมันกวนๆ พอดี โดยไม่ไหลตามน้ำออกไป

ได้ข่าวว่าวิธีทำโดยเอาทรายธรรมดามาคลุกกับน้าตาลจนกลายเป็น เว้นวรรค

เป็นสีดำ


ไม่เชื่อลองชิมดูสิครับหวานดี(ใครชิมก็บ้าแล้ว)

อิอิ. ร่องรอยแห่งอารยะ ธรรม

แล้วพี่รู้ได้ยังไง แสดงว่าพี่ชิมแล้วอะดิ

ปล.ต้องใช้น้ำตาลแดงด้วยใช่ไหมครับพี่ อิอิ

แน๊ท - ดีเลยจะได้มาช่วยเปลี่ยน้ำปลาด้วย

ล้างวันไหนบอกสิคับ เดี๋ยวผมไปช่วยล้าง อิอิ จาแอบไปเอาปลากับด้วย

มีฉลามหางไหม้กับกล้วยหอมนะเอาไหม

เเหมน่าเเอบไปด้วยคนนะป๊อบ อิอิอิ

เข้ามาบอกเคล็ดลับในการล้างให้ดีกว่า
ของผมเวลาล้างก็ใส่กะละมังครับ ใบใหญ่หน่อยใส่สักประมาณ 15-20 กิโล แล้วก็เอาขันราดลงไปจนเต็มแล้วกวนๆๆๆๆเอาสิ่งสกปรกออก เทน้ำทิ้ง ทำแบบเดิมประมาณ 5 รอบครับ แล้วเอาลงตู้เลย ทิ้งไว้ 1 คืน ดูดน้ำทิ้งอีก 1 รอบ เป็นอันเสร็จพิธี
ปล.1. จริงๆล้าง3-4รอบมันก็สะอาดแล้วนะครับ ที่เห็นมันดำๆเพราะทรายมันละเอียด มันฟุ้งเลยดูเหมือนยังสกปรกอยู่
ปล.2. แหล่งที่มาของผม ในเมืองไทยนี่แหละครับ แต่ไม่ใช่คลุกน้ำตาล และไม่ใช่กาญครับ จริงๆราคาไม่แพงมาก แต่ค่าขนส่งแพงครับ เพราะว่าอยู่ไกล ส่วนสถานที่ขอไม่เปิดเผยแล้วกัน ความลับทางการค้าครับ 555