ปกติกรองพวกนี้น่าจะมีคาร์บอน (ใช้กรองคลอรีน) น่าจะใช้ได้เลยน่ะครับ แต่พวกเครื่องกรอง

คลอรีน จะมีปริมาณของคาร์บอนมากกว่า หรือลองเทสคลอรีน จากน้ำกรองดูก็ได้ครับ ถ้าไม่มี

คลอรีน ก็ใช้ได้เลยครับ

ผมอยากให้ลองเช็ค ค่าน้ำ เช่น ค่า pH ค่าไนเตรท

เพราะน้ำบาดาลบางที่มีแค่ pH ที่เป็นกรดมาก พอปลาไปอยู่ทั้งตาขุ่น ขับเมือก หายใจหอบ หรือบางทีก็ตายไปเลยก็มีครับ

และน้ำบาดาลยังมีหินปูนสูง(ในบริเวณที่ติดกับเขาหินปูน)

ดังนั้นต้องดูคุณสมบัติของน้ำก่อนครับ ว่า มันเหมาะที่จะเลี้ยงปลาหรือไม่ครับ

ดูน้ำที่ไหลออกจากเครื่องกรองนั่นแหละครับ ดูว่ามันขาดอะไรบ้าง ค่อยหาซื้อเครื่องกรองมาอีกสักตัว มาพ่วงใช้ครับ

เรื่องของน้ำบาดาล ใช้ได้ไม่ได้ มีปัญหาอะไร จริงๆ ผมว่า บอกยากนะครับ เพราะน้ำในแต่ละแหล่งมันก็ไม่เหมือนกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะขึ้นกับชนิดของหิน ดิน แร่ธาตุต่างๆ ใต้ชั้นดินในจุดนั้นๆ ซึ่งก็จะมีทั้งที่เป็นประโยชน์กับปลา และโทษมากมายครับ แต่ที่เจอส่วนใหญ่นั้น น้ำบาดาลมักจะมีปัญหาเรื่องปริมาณออกซิเจในน้ำ(DO)มีน้อยครับ อย่างน้อยก็ควรมีถังพักน้ำเพื่อเติมออกซิเจนเข้าไปด้วยครับ(หัวทรายเป่าไว้ซัก 1-2 วัน) ตรงนี้เอง ถ้าจะให้ชัวร์ ควรส่งน้ำไปตรวจคุณภาพดูครับ ถ้าจำไม่ผิด ผมเคยถามการประปาประจำอำเภอที่ผมอยู่ เขาว่า เขาก็ตรวจให้ได้ หรือจะเป็นร้านขายเครื่องกรองน้ำชั้นนำบางร้านก็ตรวจสอบให้ได้ครับ

เคยได้ยินเพื่อนที่เลี้ยงปลาท่านหนึ่งบอกว่า ปลาอโรวาน่าตาย หลังจากเอาน้ำบาดาลเปลี่ยนน้ำให้ปลาไปแค่ 10% ครับ ถ้าจำไม่ผิด เห็นว่า หลังจากเอาน้ำไปตรวจ พบสารพิษประเภทโลหะหนักอยู่แยะพอสมควรครับ มองในทางที่ดี แบบนี้เรียก ปลารับเคราะห์แทนคนเลี้ยงได้เหมือนกันนะครับ

อ่อ ลืมอ่าน น้ำบาดาล นึกว่าน้ำประปา ขออำภัย อิอิ

น้ำบาดาลมีอ็อกซิเจนน้อย ควรพักน้ำในที่โล่งแล้วใช้หัวทรายเป่าลมเพื่อเพิ่มอ็อกซิเจนก่อนนำน้ำใส่ในตู้ปลาครับ