ถามต่อครับ ถ้าเราจะทำตู้แบบอควาเรี่ยมคือมีกระจกด้านเดียว แบบอ่างปลาบ้านโรม เราควรป้องกันความชื้น แพร่ไปตามผนังจนไปทำลายโครงสร้างของบ้านอย่างไรครับ

พอทราบสถานที่สั่ง แผ่นอะคริลิค แบบเคลือบกันรอยมั๊ยครับ รวมถึง ช่างผู้ออกแบบและทำพวกหินผาต่างๆ ครับ อยู่ในขั้นรวบรวมข้อมูลครับ

ถ้าระดับน้ำสูงเท่าเดิม แรงดันน้ำก็เท่าเดิมครับ

นั่นซิครับ

แล้วปริมาตรรวมของน้ำกับความสูงของน้ำมันแปรผันตามรึแปรผกผันกันมั๊ยครับ มีผลต่อแรงดันมั๊ยครับ

เช่นตู้ยาว 60 กว้าง 30 สูง 30 กับตู้ 60 20 30 แรงดันน้ำต่อพื้นที่กระจกจะเท่ากันมั๊ยครับ

ผมถามเยอะหน่อยเพราะฟิสิก ผมไม่เอาอ่าวครับ

ความสูงของตู้มีผลต่อแรงดันครับ ยิ่งสูงยิ่งดันเยอะ โดยมีมวลน้ำเป็นตัวแปรสำคัญ

เคยฟังมานะ เขาว่า กระจก ขนาด 2 หุน เอามาทำตู้ ขนาดกว้าง * ยาว เท่าสนามเทนนิส แต่ความสูงไม่เกิน 5 ซม ใส่น้ำให้เต็ม ตู้ก็ไม่แตก

อันนี้ไม่รู้จริงป่าว มีใครจะลองทำดูมะ อยากรู้เหมือนกัน 55

ส่วนความชื้น ผมแนะนำง่ายที่สุด อย่าไปสร้างบ่อ ติดกับผนังบ้าน ปัญหาไม่ใช่ความชื้น แต่เป็นเรื่องการทรุดตัวของบ่อ ถ้าบ่อมันทรุดเนี่ย มันดึงโครงสร้างบ้านตามไปด้วยนะ ไม่อยากจะนึกตอนมันโครมทีเดียวทั้งบ้าน

บ่อที่บ้านก็เลยย้ายไปติดกำแพงบ้านดีกว่าจะรั่ว จะซึมก็ไปทำกับกำแพงละกัน อันนี้ยอมรับได้

ผมมารอลอกคำตอบนะครับ

ผมมารอลอกคำตอบนะครับ

เรื่องแรงดันน้ำ ตามที่คุณเด็กสวนตอบครับ ระดับน้ำเท่าเดิม แรงดันก็เท่าเดิมครับ ส่วนเรืื่องปริมาตรของน้ำกับแรงดัน โดยปกติก็จะแปรผันตามกันครับ เพราะว่าแรงดันของน้ำที่ก้นของภาชนะ แปรผันตามมวลของน้ำ และ มวลของน้ำ แปรผันตาม ปริมาตร ดังนั้น แรงดันที่ก้นภาชนะ จะแปรผันตาม ปริมาตร ครับ แต่หากคิดแรงดันที่ทำกับผนังด้านข้างของภาชนะ จะใช้สูตร F = 0.5 x ค่าคงที่ของน้ำ x ค่าแรงโน้มถ่วง(9.8) x ความลึกของน้ำ x พื้นที่ภาชนะด้านข้าง(ที่ตั้งฉากกับน้ำ) *ถ้าภาชนะเป็นสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ คือ กว้าง ยาว สูง เท่ากัน แรงดันน้ำที่ก้นภาชนะ จะเป็นสองเท่า ของด้านข้างภาชนะ สรุปคือ แรงดันที่ก้นภาชนะ แปรผันกับมวลทั้งหมดของน้ำ ส่วนแรงดันที่ด้านข้างภาชนะจะแปรผันตามความสูงของน้ำ หมายความว่าที่ระดับความลึกต่างกัน แรงดันจะไม่เท่ากันครับ

ส่วนเรื่องการป้องกันความชื้น และความเสียหายที่จะลามไปในตัวโครงสร้างนั้น โดยปกติควรจะทำโครงสร้างแยกกันกับตัวบ้านนะครับ คือใช้คาน คนละตัวกัน พยายามอย่าใช้คาน หรือ เสา ร่วมกัน และผสมน้ำยากันซึมลงไปในคอนกรีตด้วย อีกอย่างชนิดของคอนกรีตที่เป็นประเภทกันน้ำ แบบ Portland sement ก็มีครับ เช่นแบบที่ใช้ในการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำอะไรแบบนั้น หรือ แบบที่ทนเค็มก็ยังมีครับ ส่วนเรื่องความชื้นเป็นอีกเรื่องนึงครับ เพราะถึงโครงสร้างแข็งแรง ก็อาจจะยังมีความชื้นอยู่ บ้าง อันนี้ขึ้นอยู่กับพื้นที่ และสภาพแวดล้อมด้วยครับ

ข้อมูลแน่นมาก ต้อง จด จด จด จด ขอบคุณครับ

ตอนผมสร้างบ้านหลังใหม่ ได้ให้สถาปนิกออกแบบให้มีบ่อปลาคาร์ฟอยู่ขั้นกลางระหว่างหลังเก่า/ใหม่
ตอนที่สร้างบ้านหลังใหม่ ก็เลยขุดบ่อปลาไปพร้อมกันเลยครับ เนื่องจากเค้าออกแบบใช้ฐานราก
เสาเข็มเจาะเป็นชุดเดียวกับตัวบ้าน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการดึงบ้านทรุด ในภายหลังโดยใช้การ
เจาะเสาเข็มลึก 21 เมตร เท่าเสาเข็มบ้านเป็นฐานเสาเข็มบ่อปลา 6 ต้น ! ส่วนหนึ่งของเสามุมบ่อปลา
ก็คือเสาบ้านไปด้วยเลย เรียกว่าถ้าจะทรุดก็ทรุดไปพร้อมๆ กันเลยอะครับ คานพื้นและขอบบ่อที่ลึกถึง 2 เมตร
ก็จึงต้องผุกเหล็กเทคานเท่าคานฐานรากของตัวบ้าน ! บ่อปลาคาร์ฟบ้านผมจึงอาจจะ
เป็นบ่อปลาคาร์ฟขนาดเล็กที่ใช้เสาเข็มใหญ่ และลึกที่สุดในประเทศไทยก็เป็นได้มั๊งครับ

ถ้าเป็นการต่อเติมจากบ้านเดิม แนะนำให้ทำฐานรากแยกเพราะป้องกันเรื่องการดึงตัวบ้านไม่ให้ทรุดตาม ปริมาตรมีผลกับการคำนวณฐานราก ความสูงมีผลเรื่องแรงดัน (ซีลด้านข้าง ครับ ปกติ 1 ตารางเมตร ถ้าน้ำสูงซัก 50 เซน ก็ต้องลงเข็ม 1 ต้นแล้วครับ แต่เข็ม ขนาดเท่าไหร่ควรให้วิศวกรคำนวณครับ บ้านผมขุดบ่อซีเมนต์ก็ทำโครงสร้างแยก ส่วนซีเมนต์ก็ผสมกันซึมครับ

ขอรอชมรูปตอนบ่อเสร็จนะครับ อยากเห็นจัง

ขอมอบใบประกาศฟิสิกไปเลยครับ นำเสนอข้อมูลเนื้อหาเข้าใจได้ง่ายดีครับ

.....เยี่ยมครับ

บ่อน้อยๆ ที่บ้านผมขนาดวัดรวมบ่อกรอง 3.30 X 1.10 เมตร ระดับน้ำประมาณ 50 ซม.
คำนวนเอง คิดเอง เออเอง ลงเข็ม 50 ซม. ไป 10 ต้น
พยายามจะไม่เอาน้ำหนักบ่อไปพ่วงกับกำแพง
เว้นระยะห่างจากตัวบ้าน ไว้เป็นทางเดินด้วย 70 ซม. ก็ที่มันเหลือแค่นั้น ^^"

ตอนนี้ครึ่งปีแล้วมั๊ง ใช้ดี ไม่มีรั่ว ไม่มีซึมให้เห็น

ยิ่งสูงยิ่งดันครับ ดามล่าง ดามบน ดามข้าง และ เสา

จัดเต็มไปเลยครับ โดนมาแล้ว
5555